จบลงไปแล้ว สำหรับงานมหกรรมยานยนต์ครั้งใหญ่ ปิดท้ายปี หรืองาน Motor Expo 2023 ที่ในคราวนี้ถือว่าประสบความสำเร็จกันไปพอสมควร ทั้งในมุมผู้ผลิตและผู้จัดงาน จากยอดขายและยอดผู้เข้าชมที่สูงขึ้นกว่าปีก่อนมาก

นาย ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” เปิดเผยว่า “ปีนี้เป็นงานฉลองครบรอบ 40 ปี ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ขอขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้ง ผู้อุปถัมภ์ ผู้สนับสนุน ค่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง ธุรกิจเรือ อากาศยาน ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน รวมถึงผู้เข้าชมงานที่เมืองทองธานี และออนไลน์ จำนวนมหาศาล”

และจากการข้อมูลโดยผู้จัดงาน Motor Expo 2023 ระบุว่าในปีนี้ มีผู้เข้าสนใจเข้าร่วมชมงานกว่า 1,503,030 คน และมีผู้ชมงานผ่านระบบ Online Platform อีกกว่า 1,091,375 ครั้ง

สำหรับยอดจองรถในงาน ก็มีปิดยอดไปได้มากพอสมควร โดยแบ่งเป็นรถยนต์ 53,248 คัน จักรยานยนต์ 7,373 คัน เท่ากับว่ามีเม็ดเงินสะพัดที่เกิดขึ้นจากงานมหกรรมครั้งนี้กว่า 7.2 หมื่นล้านบาท

และจากข้อมูลผู้ร่วมกิจกรรม “ซื้อรถ…ชิงรถ” ก็พบว่า มีผู้ร่วมกิจกรรมสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว 22.4% โดยเป็นรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป 61.6% และเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 38.4% รถยนต์ที่ผู้ซื้อเข้าร่วมกิจกรรมสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ Honda, Toyota, Changan ส่วนรถรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ที่มียอดจองสูงสุด ได้แก่ Changan, Byd, Aion 

ส่วนประเภทรถที่ได้รับความสนใจสูงสุด รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) 57.3 % รถเก๋ง 18.3 % รถท้ายลาด 10.4 % รถกระบะ 9.5 % และอื่นๆ 4.5 %

โดยหากเจาะจงไปที่ลำดับยอดจองของเหล่ารถยนต์ในงาน Motor Expo 2023 ผลปรากฏว่ายังคงเป็นทาง Toyota ที่สามารถทำยอดจองภายในงานไปได้ 7,245 คัน ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ขณะที่อันดับ 2 ก็ยังคงเป็นของ Honda ที่ทำยอดจองภายในนงานไปได้ทั้งสิ้น 6,149 คัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งสองแบรนด์ คือผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่นที่ยังไม่มีการเปิดรับจองรถยนต์ไฟฟ้าใดๆทั้งสิ้นในงานนี้

อย่างไรก็ดี ในส่วนอันดับ 3-7 คราวนี้กลับถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะทั้งหมดล้วนเป็นผู้ผลิตสัญชาติจีน (หรือสัญชาติอังกฤษ แต่ครอบครองโดยบริษัทสัญชาติจีนในปัจจุบัน) ที่เน้นการขายรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก หรือขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนทั้งสิ้น ได้แก่ อันดับ 3 : BYD ยอดจอง 5,455 คัน (ไฟฟ้าล้วน), อันดับ 4 : AION ยอดจอง 4,568 คัน (ไฟฟ้าล้วน)

ตามด้วย อันดับ 5 : MG ยอดจอง 3,568 คัน (ยอดจองรถไฟฟ้ามากกว่าครึ่ง), อันดับ 6 : Changan ยอดจอง 3,549 คัน (ไฟฟ้าล้วน), และ อันดับ 7 : Great Wall Motor ที่สามารถกวาดยอดจองไปได้ 3,524 คัน (ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดยอดจอง) ซึ่งจะเห็นได้ว่าสามอันดับหลังนี้ มียอดจองที่ใกล้เคียงกันพอสมควร

ดังนั้นต้องบอกว่าแต่เดิมแบรนด์สัญชาติจีน ก็เรียกได้ว่ามาแรงมากพอแล้ว ในปีนี้ก็ยิ่งมาแรงมากขึ้นไปอีก เพราะแม้จะยังขึ้นครองอันดับ 1 ไม่ได้ แต่เมื่อมองจากยอดรวมของทุกแบรนด์ที่ส่วนใหญ่เน้นขายรถไฟฟ้าแล้วก็ถือว่าน่าจับตามองมากเลยทีเดียว ว่านั่นจะทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าภาพรวมของปี 2023 นี้ จะเติบโตขึ้นจากปีก่อนมากแค่ไหน

ไม่เพียงเท่านั้น สำหรับผู้ผลิต อย่าง BYD, MG, Great Wall Motor ที่มีการเข้าร่วมงาน Motor Expo มาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้งต่างก็สามารถสร้างยอดจองได้มากสุดเป็นประวัติการณ์ของตนเองในครั้งนี้ได้อีกด้วย จึงถือว่าชาวไทย น่าจะเปิดใจให้กับพวกเขามากขึ้นกว่าเดิมพอสมควรเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี หากมองในอีกมุม แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะมาแรงในไทย แต่ภาพของตลาดผู้ใช้รถยนต์ในปัจจุบัน โดยอิงจากข้อมูลยอดจองภายในงาน Motor Expo เพียงอย่างเดียว ซึ่งในหลายครั้ง ก็สามารถสะท้อนภาพรวมของตลาดรถยนต์ภายในประเทศได้ ประกอบกับการสังเกตตัวเลขยอดจองรถยนต์ ในฝั่งแบรนด์ Toyota และ Honda ซึ่งอยู่ในอันดับ 1 และอันดับ 2 ก็ที่ไม่ได้ขายรถยนต์ไฟฟ้าเลยสักคัน

ก็จะพบว่าขาวไทยส่วนใหญ่ยังคงให้ความสนใจในรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นส่วนใหญ่กันอยู่ หรืออย่างน้อยก็มองว่ารถยนต์ขุมกำลังไฮบริด (ซึ่งเป็นยอดจองรถยนต์ส่วนใหญ่ของทั้งสองแบรนด์ดับแรกด้วย) เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับการใช้งานในบ้านเรามากกว่าการหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวอยู่ดี ในตอนนี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่