ในที่สุด MG เปิดตัว MG4 Electric MY2024 อย่างเป็นทางการด้วยการประกอบในประเทศไทยพร้อมปรับมาดให้เท่เพิ่มพลังเพิ่มระยะทางและเพิ่มรุ่นย่อย

ด้วยหน้าตาเดิมๆเพิ่มที่ปัดน้ำฝนด้านหลัง มาพร้อม Adaptive Grille ที่สามารถปรับองศาให้สอดคล้องกับความเร็วได้ รวมถึงล้ออัลลอยลายเดียวกับรุ่น X Power ขนาด 18 นิ้วในรุ่น LONG RANGE V ส่วนรุ่น STANDARD RANGE D กับ X ได้ล้ออัลลอยพร้อม AERO WHEEL COVER ขนาด 17 นิ้วพร้อมไฟหน้าดีไซน์หกเหลี่ยม LED พร้อมไฟ DRL แบบ LED กระจังหน้า ดีไซน์ ‘shark-nosed’ เส้นแนวตั้ง 2 เส้น Fins รวมอยู่ด้วย โดยรวมด้านหน้ามาในแบบรูปตัว X

ไฟท้าย LED ลาย CGYNUS SYMBOL DECORATIVE LIGHT หลังคาแบบทูโทน พร้อมสปอยเลอร์หลังแบบ TWIN ARROW WING กันชนหลังทรงสปอร์ต

ภายในปรับใหม่ด้วยความสะดวกในการใช้งานกับ ช่องวางแก้วด้านข้างประตู เพิ่มราวมือจับสำหรับผู้นั่งโดยสาร (Assist Grip) 3 ตำแหน่ง และจอสัมผัสขนาดใหม่ 12 นิ้ว จากเดิม 10.25 นิ้ว พร้อม อุปกรณ์ชาร์จแบบไร้สาย (Wireless charger) พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนังปรับ 4 ทิศทางมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ–วางสายโทรศัพท์

 กระจกมองหลังแบบตัดแสงอัตโนมัติ หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะ Dual Screen แบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi-function Display) หน้าจอสีระบบสัมผัสรองรับการเชื่อมต่อมัลติมีเดียแบบไร้สายจากสมาร์ทโฟนระบบ Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมลำโพง 6 จุด ช่องเชื่อมต่อ USB TYPE A และ C ช่องจ่ายไฟ Power Outlet 12V

เย็นสบายด้วยระบบปรับอากาศดิจิตอล พร้อมกรองอากาศ PM2.5 เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลังพนักพิง ปรับ 60:40 พร้อมระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i–SMART

ขุมพลังไฟฟ้าเป็นมอเตอรไฟฟ้าเดี่ยว Permanent Magnet Synchronous Motor ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร เพิ่มมาเป็นสองทางเลือกเริ่มที่ รุ่น Standard Range D กับ X จากความจุแบตเตอรี่ 49 kWh (เดิม 51 kWh) วิ่งไกลสุด 423 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC (เดิม 425 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง)

ระบบการชาร์จ 2 รูปแบบ รองรับทั้งแบบ ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge DC จาก 10% – 80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที รองรับการชาร์จสูงสุด 88 kWh ชาร์จ Normal Charge AC กระแสสลับ ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ 8.30 ชั่วโมง รองรับการชาร์จสูงสุด 6.6 kW

รุ่น LONG RANGE V จากความจุแบตเตอรี่ 64 kWh วิ่งไกลสุด 540 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC  ระบบการชาร์จ 2 รูปแบบ รองรับทั้งแบบ ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge DC กระแสตรงชาร์จไฟฟ้าจาก 10% – 80% ใช้เวลาประมาณ 26 นาที รองรับการชาร์จสูงสุด 140 kWh ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge AC กระแสสลับ ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ 9.45 ชั่วโมง รองรับการชาร์จสูงสุด 6.6-11 kW

ทั้งสองรุ่นมาพร้อมโหมดการขับขี่ 5 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL, SPORT, CUSTOM และ SNOW คู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed Gear Reduction ระบบ KERS ช่วยชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ในขณะชะลอรถ 4 ระดับ ได้แก่ ระดับต่ำ กลาง สูง และแบบแปรผันตามการขับขี่ (ADAPTIVE) ระบายความร้อนได้เป็นอย่างดีด้วยระบบ LIQUID COOLING SYSTEM ตามมาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น ง่าย สะดวกสบาย รองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า

มั่นใจด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ความปลอดภัยมาตรฐานทั้ง ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)

ช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) ช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking) เปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control) ตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)  ตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)

เฉพาะรุ่น Standard Range X และรุ่น Long Range V มีระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System) ผสานรวมระบบ LDP (Lane Departure Prevention) LKA (Lane Keep Assist) และ ช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) เข้าไว้ด้วยกัน ช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)

ช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection) ช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking) ช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning) ช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning) และกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor) พร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง เป็นต้น

มีสีภายนอกทั้งหมด 5 สี ทั้งสีส้ม (Fizzy Orange) สีขาว (Arctic White) สีเทา (Andes Grey) สีดำ (Black Knight) และเฉพาะสีฟ้า (Brighton Blue) จะมีในรุ่น X และ รุ่น V

ภายในรุ่น STANDARD RANGE 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น D ภายในสีดำ และ รุ่น X ภายในสีทูโทนเทา-ดำ พร้อมหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) และรุ่น LONG RANGE V ภายในสีทูโทนเทา-ดำ พร้อมหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) ในราคาดังนี้

• STANDARD RANGE รุ่น D ราคา 709,900 บาท

•STANDARD RANGE รุ่น X ราคา  809,900 บาท

•LONG RANGE รุ่น V ราคา 889,900 บาท

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่