อาจจะจริงอยู่ว่า MG ES พึ่งถูกเปิดตัวได้ไม่นาน ในฐานะร่างอัพเกรดของ MG EP แต่ตอนนี้กลับมีรายงานใหม่ระบุว่า มันอาจจะถูกแทนที่โดย MG4 ร่างใหม่ ซึ่งถูกยืดความยาวด้านท้ายให้มาขึ้น จนได้ชื่อว่า “MG4 Estate”

จากข้อมูลโดยสื่อ Autocar ระบุว่า ในขณะนี้ทาง MG กำลังพิจารณาแผนการพัฒนาตัวรถ MG5 EV หรือที่ใช้ชื่อทำตลาดในบ้านเราว่า MG ES/EP ร่างใหม่อยู่

แต่จากความจริงที่ว่า ตัวรถรุ่นปัจจุบันนั้น มีพื้นฐานมาจาก Roewe Ei5 ซึ่งไม่ได้เป็นรถที่พัฒนาโดยทาง MG โดยตรง แต่เป็นรถยนต์จากแบรนด์ลูกของเครือบริษัท SAIC จึงทำให้ทางค่ายไม่อาจพัฒนาตัวรถร่างถัดไปได้สะดวกเท่าไหร่นัก และครั้นจะให้สร้างรถใหม่ทั้งคัน ก็อาจเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองต้นทุนในการพัฒนามากเกินไป

จึงเป็นเหตุให้ท้ายที่สุด ทาง MG อาจเลือกใช้วิธีนำรถยนต์แฮชท์แบ็ค หรือค่อนไปทางครอสโอเวอร์ พลังงานไฟฟ้า 100% อย่าง MG4 EV นำมาดัดแปลงใหม่โดยการเพิ่มความยาวของตัวถังด้านหลังเข้าไป แล้ววางขายอุดช่องว่างทางการตลาดแทน MG ES/EP

โดยสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ MG4 เอื้อต่อการนำมาพัฒนาเป็นรถยนต์วากอนรุ่นใหม่ ไม่ได้มีเพียงแค่เพราะมันเป็นรถที่ถูกออกแบบจากบริษัท MG เองโดยตรงเท่านั้น แต่ด้วยการถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานแพลตฟอร์ม Modular Scalable architecture ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่ทาง SAIC สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ต่อยอดในการทำรถยนต์อีกหลายๆรุ่นของตนเองนับจากนี้ จึงทำให้การบริหารจัดการตัวรถตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นยิ่งสะดวกรวดเร็ว และประหยัดยิ่งขึ้นไปอีก

และหากว่าที่รถยนต์แนววากอนรุ่นใหม่ จะใช้พื้นฐานการพัฒนา ที่ต่อยอดมาจาก MG4 จริง ด้วยโจทย์ที่ต้องการจะเน้นคุมต้นทุนในการพัฒนา จึงทำให้มันอาจจะมีหน้าตาช่วงครึ่งหน้าที่เหมือนเดิมทุกประการ และไปเน้นการสร้างความแตกต่าง เพื่อเพิ่มอรรถประโยชน์ในการใช้งานจากพื้นที่เก็บของสัมภาระด้านหลังด้วยตัวถังด้านท้ายที่ยาวขึ้น จนทำให้ตัวรถมีความยาวแตะหลัก 4,600 มิลลิเมตร (ใกล้เคียงกับ MG EP/ES ที่ขายอยู่ตอนนี้) จากเดิมที่มีความยาวตัวถัง 4,287 มิลลิเมตร

แน่นอน ในส่วนแบตเตอรี่ ที่ตอนนี้มีให้เลือกหลายขนาด ตั้งแต่ 51 kWh, 64 kWh, และ 77 kWh ก็คาดว่าจะถูกใส่มาให้เป็นตัวเลือกเกือบทั้งหมด แต่จะมีการปรับระยะทางในการใช้งาน ที่เคยเคลมไว้ตั้งแต่ 351 – 520 กิโลเมตร (มาตรฐาน WLTP) ไปมากน้ออยอแค่ไหน ยังต้องรอการอัพเดทข้อมูลกันต่อไป

ขณะที่ตัวมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับขับเคลื่อนตัวรถ คาดว่าจะมีเพียงทางเลือก มอเตอร์เดี่ยวที่ยังคงถูกปรับจูนให้สามารถทำกำลังสูงสุดได้ 170 PS กับแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ดังเดิม เนื่องจากเป็นรถเน้นใช้งาน แต่จะถูกติดตั้งไว้ขับเคลื่อนล้อหน้า หรือล้อหลัง ก็ยังไม่มีใครทราบได้

หรือหากทาง MG จะนึกซน ให้ระบบมอเตอร์คู่ รวมกำลังได้สูงสุด 435 PS แบบเดียวกับ MG4 XPower มาในร่างตัวแรง เพื่อดักคอพ่อบ้านซิ่ง ก่อนกระโดดไป BMW M3 Touring ก็อาจจะเป็นไปได้ด้วยเช่นกัน

ท้ายที่สุด ในเรื่องกำหนดการเปิดตัว อาจจะเกิดขึ้นภายในช่วงไม่เกินสิ้นปีนี้ เพราะทาง MG เอง ก็ไม่อยากจะยื้อ MG5 EV ในยุโรปต่อไปอีกมากเท่าไหร่นัก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เราคงได้เห็นข้อมูลต่างๆของตัวรถหลุดออกมาให้ได้อัพเดทกันอีกรัวๆแน่นอน

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่