การเปลี่ยนแปลงในตลาดรถยนต์ปัจจุบัน ต้องยอมรับว่า กระแสรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ หลายคนต้องการมีรถแบบนี้มาใช้ในบ้าน หนึ่งในรถที่เหมาะสม จะใช้งานในแบบรถยนต์ไฟฟ้า คือ รถสำหรับครอบครัว หรือ MPV หลังจากเปิดตัวรุ่นราคาจับต้องได้ ในสไตลื​สเตชั่นแวกอน ทาง MG ก็ไม่รอช้า ที่จะเปิดตัว ที่สุด MPV หรู MG Maxus 9

MG Maxus 9 ตกเป็นข่าวมายาวนานในฐานะ ยอด MPV สุดหรู ที่เตรียมเข้าไทย เดิม ที รถรุ่นนี้ใช้ชื่อว่า Maxus Mifa 9 แต่ ด้วยชื่อตัวรถ ที่ดูจะเรียกยาก และ แบรนด์ Maxus ในไทย ก็ไม่ได้มาเปิดตลาดจริงจังมาก่อน ชื่อของรุ่นนี้ จึงต่างจากที่ขายที่อื่น

ตัวรถรุ่นนี้ เปิดตัวในไทย ไปที่งาน มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมา และกวาดยอดจองไปอย่างล้นหลาม เนื่องจากมันเป็นรถกลุ่มใช้งานในชีวิตประจำวัน ของบรรดา ท่านผู้มีอันจะกินทั้งหลาย รถแบบนี้ เรียกว่า เป็น Luxury MPV เดิมที ยึดหัวหาด โดย Toyota Alphard ซึ่งใช้เครื่องยนต์ไฮบริด ตอบลูกค้ามายาวนาน

MG Maxus 9 review

เมื่อ โลกมุ่งสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าหลาายคน ก็คงมองว่า ใครจะทำ รถกลุ่มนี้เป็นไฟฟ้าครั้งแรก คำตอบก็เป้นไปตามคาด มันมาจาก ค่ายรถยนต์ที่มีชาวจีนเป้นผู้ถือครอง

ตัวรถ MG Maxus 9 เปิดตัวด้วยหน้างานออกแบบ ฉีกจากหลายรุ่นที่เคยเห็น ไม่ว่า จะทรงหรูหรา ,ทรงหม้อทอด แล้วของ MG , พวกเขาออกแบบมาเป็นทรงกระจังหน้าปิดทึบ ดูตันๆ จะว่าธรรมดาก็ได้ จะว่าแปลกตาก็บางที

ด้านหน้าตัวรถ มาพร้อมชุดไฟ Day Time และ ไฟหรี่ วางไว้ด้านบน ส่วนไฟใหญ่วางไว้ด้านล่าง ชุดกันชนออกแบบมาให้ มีความใหญ่ เล่นสีดำเงา และ ชายขอบโครเมี่ยม จะดูหน้าตาเผินๆ ก็ไม่ได้ สง่างาม เหมือน เจ้าตลาด Toyota Alphard เท่าไร ถ้าคนชอบสไตล์นั้น คงมองผ่านไปเลย

MG Maxus 9 review

ทางด้านข้าง ตัวรถออกแบบ มาตามสไตล์ MPV หรู ประตูคู่หน้าออกแบบให้เปิดได้กว้างเป็นพิเศษ ประตูหลัง เป็นประตูสไลด์ไฟฟ้า ทั้ง 2 ด้าน เช่นเดียวกับประตูท้าย เป็นระบบเปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้า เช่นกัน

งานออกแบบ ทางด้านหลัง ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยม ด้วยไฟท้าย Cross Tail Light ตามยุค อยู่ในโคมใส ช่วมเพิ่มความรู้สึกสปอร์ต

ในภาพรวม ตัวรถ จึงตอบสนองเรื่องสไตล์ ให้ความรู้สึกพรีเมี่ยม กว่ารถ เอ็มจี ทั่วไป ส่วนจะมองว่า เข้าขั้นพรีเมี่ยมไหม ส่วนตัว ผมว่า เป็นลักษณะ Moder Luxury คือ ไม่เน้น พวกโครเมี่ยมเยอะเหมือนที่เรา อยากเห็นในแบบรถเจ้าตลาด

MG Maxus 9 review

มิติตัวรถ MG Maxus 9 นำเสนอในเรือนร่างความยาว 5,270 มม.​กว้าง 2,000 มม.​(ไม่รวมกระจกมองข้าง) และมีความสูง 1,840 มม.​ ระยะฐานล้อมีความยาว 3,200 มม.​หรือรวมๆ แล้ว ก็คือว่า มันเทียบเท่ามิติของรถกระบะ 4 ประตู หนึ่งคัน

เมื่อเปิดประตู ก้าวเข้ามาในห้องโดยสาร ตัวรถรุ่นนี้ ต้อนรับคุณด้วยความหรูหรา ตั้งแต่แรกเริ่ม จนคุณจะต้องถาม นี่ MG จริงสิ

ทางด้านหน้า แนะนำการออกแบบด้วย ความเป็นรถยนต์จากจีน มีชุดจอ 2 ชุด อันหนึ่ง มีขนาด 7 นิ้ว วางไว้ที่ตรงหน้าคนขับ ส่วนอีกชุด เป็นหน้าจอจัดการสิ่งต่างๆ ภายในรถ , รวมถึง การเชื่อมต่อ และระบบความบันเทิง เป็นจอขนาด 12.3 นิ้ว

MG Maxus 9 review

ตัวจอตรงหน้าคนขับ มุ่งเน้นในการบอกค่าต่างๆที่จำเป็นมากกว่า ให้ปรับค่าตัวรถ ลูกเล่นจึงเป็นการแสดงผลเป็นหลัก ซึ่ง มีทั้ง การบอกความเร็ว การเหยียบคันเร่ง ตำแหน่งเกียร์ และ ระยะทางที่เหลือวิ่งได้

ในส่วนของจอกลาง จะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของรถ อย่างที่กล่าวไป ตั้งแต่ เป็นจอ ระบบความบันเทิงและเครื่องเสียง มาจนถึง เป็นจอ สำหรับการควบคุมฟังชั่นตัวรถ เช่น เปลี่ยนโหมดการขับขี่ , ควบคุมระบบความปลอดภัย และ ยังสามารถกดเลือก ควบคุมตัวรถ อาทิ เปิด-ปิด กระจก , หลังคาซันรูฟ ,​ฝาท้ายไฟฟ้า ,​ประตูข้าง คุณสามารถกดแล้วใช้งานได้เลย

ฟังชั้นที่มากมาย ที่จริงไม่ได้ใช้งานยาก เพียงแต่ ต้องเข้าใจ User Interface ของชุดจอ ซึ่งจะเป็นการกดเข้าไปในแต่ละจุด เพื่อทำการสั่งการ เสียส่วนใหญ่

MG Maxus 9 review

นอกจากนี้ยังมีคีย์ลัด เก็บซ่อนไว้ด้านบน ใช้งานง่ายเพียงรูดลงมา ก็สามารถปรับค่าต่างๆได้ คล้ายกับที่นำเสนอใน MG 4 ในจุดนี้ หลักๆ จะเป็นเรื่องของ โหมดการขับขี่ และการตั้งค่าระบบความปลอดภัยตัวรถ หลักๆ

ไหนๆ ก็เล่าถึงฟังชั่นในจอ ก็ต้องบอกว่า บางอย่างยังใช้งานยาก อาทิ การตั้งค่าระบบ Kers ของตัวรถ ต้องเข้าเมนูลึก จากที่ลองใช้คร่าวๆ ต้องยอมรับว่า หน้าจอนี้ทำงานลื่นดี แต่ยังมีต้องการ อินเตอร์เฟสที่ดีกว่า ในการทำให้ การติดต่อผู้ใช้งานสะดวกมากขึ้นกว่าเดิม

แถมด้วยชุดจอที่มีขนาดไม่ใหฐ่มาก ทำให้การจิ่มใช้งานในแต่ละครั้ง ยังไม่ค่อยสะดวกนัก โดยเฉพาะในระหว่างการขับขี่

ตรงหน้าคนขับมาพร้อมพวงมาลัย 2 ก้าน พร้อมปุ่มฟังชั่นต่างๆ ส่วนตรงกลางเป็นคอนโซล Dual layer ที่ออกแบบ มาเป็นชะง่อนผา เพื่อทำให้รู้สึกโปร่งโล่งสบาย

แน่นอนว่า ในส่วนของเบาะนั่งโดยสาร คู่หน้าเป็นปรับไฟฟ้า เบาะมีขนาดค่อนข้างใหญ่พอสมควร เหมาะสมต่อการใช้งานเดินทางยาวๆ เมื่อบวกกับคอนโซลกลางขนาดใหญ่ที่มีบุนุ่ม ทำให้ ท่านั่งของเราผู้โดยสารตอนหน้า อยู่ในจุดที่พอดีต่อการใช้งาน

ทางด้านตอนหลัง ,​อย่างที่เอ่ยไปแล้ว ประตูสไลด์ไฟฟ้า 2 ด้าน เปิดใช้งานง่ายมาก ที่จริงผมว่า ระยะเปิด ใหญ่กว่า Alphard เสียอีกในความจริง

เมื่อเข้ามา จะพบ เบาะนั่ง Captain Seat ขนาดใหญ่ 2 ตัว ในรุ่นที่ทางเอ็มจี ให้เราสัมผัสในวันนี้ เป็นรุ่น V ตัวท๊อป เบาะนั่ง จึงออกแบบมาให้มีความพรีเมี่ยมสุดๆ การควบคุมเบาะ ทำงานผ่าน ชุดจอที่อยู่ข้างเบาะ ซึ่งนอกจากจะใช้ในการปรับท่านั่งตัวเบาะแล้ว

ยังใช้ควบคุม ฟังชั่นนวดตัวที่เบาะได้ด้วย แต่บอกก่อนนะครับว่า อารมณ์ เหมือน นั่งก้าอี้นวดตามห้าง ยังไม่ได้เทพอะไรนักหนา

นอกเหนือจากที่กล่าว ก็ยังสามารถสั่งควบคุมตัวรถได้หลายจุด เช่นเปิด-ปิดกระจก ตัวรถ , ซันรูฟ เป็น ตัวอย่างที่เราได้ลองทดสอบดู ช่วยให้คุณไม่ต้องไปยุ่งกับผู้โดยสารตอนหน้าหรือผู้ขับขี่

ความสะดวกสบาย ยังมี โต๊ะทำงานขนาดเล็ก เก็บซ่อนในเบาะ รวมถึง มีระบบปรับอากาศ สำหรับการโดยสารตอนหลัง

ถึงแม้ว่าจะดูแล้วครบครัน ที่ต้องการในเรื่องความสะดวกสบาย ทาง Maxus กลับ ตกม้าตายเอาง่ายๆ เช่น การไม่มีม่านบังแดดทางด้านข้างมาให้ ทั้งที่รถอบบนี้ ผู้โดยสารตอนหลัง ต้องการความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมาก

ถึง กระจกข้างตอนหลัง จะมีการชุบสีลดแสงมาให้ ก็อาจจะยังมองเห็นจากภายนอก ม่านบัง จึงสำคัญอย่างมาก

อีกเรื่องที่ผมคิดว่าน่าไปทำการบ้าน คือ เรื่องเครื่องเสียง ที่ยังมีคุณภาพพอฟังได้ แต่ไม่ได้ ถึงกับดีไพเราะเสนาะหู ก็ไม่รู้ว่า ทางจีนไม่กล้า จะไปดีล กับแบรนด์พรีเมี่ยมดัง ๆ หรือ ไม่ เพราะ ถ้ารถคันนี้มีราคาแพงขนาดนี้ อย่างน้อยเครื่องเสียงดีๆ สักชุด ก็ทำให้ ลูกค้า ตัดสินใจง่ายขึ้น

ส่วนตัวเบาะนั่ง ออกแบบมาสบายสูงสุด นั่งเพลิดเพลิน จนพล้อยหลับได้ง่าย จากความสบายที่ตัวรถมอบให้ เบาะนั่ง มีขนาดใหญ่ เข้าใจว่ าทำมาเพื่อเอาใจ คนในตลาดยุโรป และ ออสเตรเลียเป็นหลัก ซึ่งจุดนี้ดีมาก

แต่ด้วยเบาะที่มีขนาดใหญ่ ก็เลยมีข้อสำคัญต้องพิจารณา คือ การเข้าออกเบาะแถว 3 จะทำได้ยาก ทางเอ็มจี พูดเปิดอกกับเราว่า ตัวรุ่น V จะออกแบบมาเพื่อกลุ่มผู้บริหาร ถ้าคิดว่า นั่งเต็ม หรือไปเป็นครอบครัวบ่อยๆ อาจจะพิจารณา รุ่น X ที่มีความไฮโซ ตัวเบาะนั่งน้อยกว่าแต่ ก็ได้ช่องทางเดินที่นั่งสบายกว่าพอสมควร

แต่ด้วย เวลาที่จำกัด งวดนี้เรายังไม่ได้ นั่งในเบาะแถวสาม อาจจะเป็นคำตอบที่คงต้องให้ ทางผู้ใช้รถตัวจริง มาตอบกันเอง

การขับขี่

ใต้เรือนร่าง MG Maxus 9 มาพร้อม ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า 100 วางมอเตอร์ไว้ทางด้านหน้า เพื่อขับเคลื่อนล้อหน้า ทำกำลังขับสูงสุด 245 แรงม้า มอบแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร

อาจจะพูดว่า มันมีพละกำลังเดียวกับรถสปอร์ตชั้นนำเครื่อง 2.0 ลิตร เทอร์โบ แต่อย่าหวังนะ ว่ามันจะแรงเท่า เนื่องจากใต้เรือนร่างพกแบตเตอร์รี่ใหญ่พอๆ กับการใช้ไฟฟ้าของบ้านเล็กๆ หนึ่งหลัง ด้วยแบตเตอร์รี่ขนาดความจุ 90 Kwh เคลมตามมาตรฐาน NEDC อยู่ที่ 540 ก.ม.​ต่อการชาร์จ

เพื่อให้เข้าใจการขับขี่ง่ายขึ้น ทางผู้เขียน ขอแบ่งออกเป็นแต่ละส่วน เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับตัวรถได้สะดวกขึ้น

พละกำลัง และระบบขับเคลื่อน

อย่างที่กล่าวครับ ทาง MG ได้ นำเสอนกำลังรถสปอร์ต ในรถตู้ใช้งานในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าคุณ กำลังอ่านสเป็ค แล้วร้องคำว่า โอ้โห!!! ต้องคิดให้ดี

พิกัดน้ำหนักตัวเปล่าตัวรถรุ่นนี้อยู่ที่ 2,310 กก. และเมื่อรวมผู้โดยสารเข้าไป ก็มีน้ำหนักสูงสุด เฉียด 3 ตัน เข้าไปแล้ว

MG Maxus 9 V

ในการขับขี่ของเรา มีผู้โโยสารรวมผู้ขับขี่ 5 คน จากที่ลองกด ใช้อัตราเร่งดูในโหมดปกติ การตอบสนอง ของมอเตอร์ไฟฟ้าจะเน้นไปทางนิ่มนวล ค่อยๆ ปล่อยพลังขับออกมา

และยิ่งนิ่มนวลมากขึ้นในโหมด Eco ที่มุ่งเน้นในการทำให้ รถประหยัดพลังงานมากที่สุด

เท่าที่ลองดูทั้ง 2 โหมด ทาง Maxus เซท ให้รถปล่อยพลังในแบบเดียวกัน คือไม่โชกโฮกฮากจนเกินงาม แม้ในโหมดสปอร์ตก็ตาม

เมื่อย่ำคันเร่ง จะค่อยๆ เบ่งพลังออกมา แม้กด 100% ก็ไม่ใช่พรืดพุ่งทะยาน ส่วนตัวคิดว่าโหมดการขับขี่เซทให้คันเร่งตอบสนองแตกต่างกัน มากกว่า ส่วนตัวมอเตอร์ไฟฟ้านั้น เซทเป็นค่าเดียว คือ ค่อยๆ ปล่อยพลัง จะช้าหรือเร็ว ก็ดูตามการตอบสนองของคันเร่งเข้าว่า

MG Maxus 9 V  สีเทา

ในแง่ความประหยัด ต้องเรียนตามตรงว่าในงวดนี้ยังไม่ได้ทดสอบ แต่ถ้าเอาจากหน้าปัด จากที่ขับขี่ จะอยู่ที่ราวๆ 20.2 Kwh/100 หรือตก ราวๆ 4 ก.ม.ต่อ กิโลวัตต์

สมมุต เราคำนวนเล่นๆ ว่าค่าไฟฟ้า อยู่ที่ หน่วยละ 7.5 บาท ต่อกิโลวัตต์ ตามมาตรฐานของตู้ DC Charge หลายเจ้า ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ราวๆ 1.8 บาท ต่อ กิโลเมตร เท่านั้น

การควบคุมตัวรถ

ทางด้านการตอบสนองการขับขี่และการควบคุม หรือ Handling การตอบสนองช่วงล่าง ออกไปตามคาด เน้นนิ่มนวลนั่งสบาย มีความเฟิร์มแน่น ไม่กระด้าง

ช่วงล่างด้านหน้าเซทให้มั่นใจ ส่วนทางด้านหลังปรับให้่อนกว่าด้านหน้า เพื่อความนั่งสบายของผู้โดยสาร ส่งผลให้ตัวรถ จะออกอาการ โค้งตัวบ้าง และย้วยบ้างในจังหวะ เข้าโค้งช่วงแรก และ หรือ การเปลี่ยนเลนในระหว่างความเร็วเดินทาง

แต่อย่างที่หลายคนทราบ รถยนต์ไฟฟ้า จะติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า ไว้ตามระยะเพลาที่เหมาะสม แบตเตอร์รี่ออกแบบมาให้อยู่ที่พื้นรถ ทำให้การตอบสนองค่อนข้างจะดีกว่า Toyota alphard ที่อยุ่ในคลาสเดียวกัน

MG Maxus 9 V  สีเทา

สาเหตุ ก็เนื่องจากการวางจุดศูนย์ถ่วงไว้ต่ำ ทำให้ เวลาเราบังคับทิศทางพวงมาลัย น้ำหนักจะช่วยถ่วงและหน่วงในการโคลงตัว หากนั่นก็ยังขึ้นอยู่กับ ความเร็วในการใช้พวงมาลัย , ความเร็วที่เราใช้ในการขับขี่ การดึงกระชากของผู้ขับด้วย

ถ้าดึงแรงหมุนไว ก็ยังมีโอกาส ที่รถจะโคลงตัวอยู่ ตามสไตล์ รถทรงนี้ที่ออกแบบ มาให้มีหลังคาสูง พร้อมกับช่วงล่างที่ไม่ได้เซทให้เฟิร์มมากจนรถเป็นรถสปอร์ต การโคลงของมัน อาจจะทำให้ผู้โดยสารหงุดหงิดได้ โดยเฉพาะในเบาะแถว 2 รวมถึงผู้โดยสารแถว 3 ที่อยู่ในระยะเพลาหลังพอดี แถมยังเจอความนิ่มนวลของช่วงล่างหลัง เข้าให้อีกอย่าง

แต่ถึงจะพูดแบบนั้น ในแง่การเข้าโค้งในความเร็วปกติ รถรุ่นนี้ก็กลับทำได้ดีกว่าที่คาดพอสมควร ถ้ารู้จักขับ โดยการเลี้ยงคันเร่ง ใช้ การหน่วงมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าร่วม ตัวรถจะค่อยเอนไปตามโค้ง และเข้าได้อย่างมั่นใจ

ในวันนี้ เราลองเพียงเส้นทาง เข้าใหญ่-กทม. จึงยังบอกไม่ได้ว่า ถ้าโค้งต่อเนื่องแล้ว จะเป็นอย่างไร

ส่วนเรื่องการเบรกนั้น ต้องบอกก่อนว่า ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีพละกำลังมาก ทำให้การดึงกลับพลังงาน ด้วยการหน่วงมอเตอร์ หรือ Kers นั้น ค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะ การ Kers ระดับ 3 หาไม่เคยผ่านมือรถยนต์ไฟฟ้า หรือขับแบบ One Pedal มาก่อน

ขับแล้ว ปล่อยเท้าออกจากคันเร่งเลย มันจะหัวทิ่มหัวตำเอาได้ดื้อๆ ต้องเลี้ยงคันเร่งค่อยๆ ถอย ออกมาจะ ช่วยลดปัญหานี้ได้ จนหมดเปราะ

เรื่องพละกำลังการเบรก เท่าที่ลองใช้ เอาอยู่สบายๆ และเป็นไปในทางนิ่มนวล ส่วนสำคัญ มาจากการ Kers ถ้า คุณ ขับบ่อยๆ จนชิน ก็สามารถทำให้ ผู้โดยสารนั่งสบายได้

แต่มีอย่างหนึ่ง ที่ผมอยากจะเตือน ท่านๆที่ซื้อไปแล้ว โดยเฉพาะใครที่ขับรถใช้งานเอง MG Maxus9 จะมีอาการที่พึงต้องระวัง นั่นคือ อาการ Torque Steer จะเกิดขึ้น เมื่อคุณใช้คันเร่ง รุนแรง และรวดเร็ว เช่นในยามเร่งแซง หรือคำวามเร็ว

เมื่อแรงบิดส่งจากมอเตอร์ไฟฟ้า จะเกิดอาการ Torque Sterr กล่าวคือ พวงมาลัยจะบิดไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งด้วยตัวเอง เนื่องจากกำลังแรงบิด มันไม่ใช่อาการปกติทั่วไป ถ้าคุณเจอ ขอให้มั่นใจว่า บังคับทิศทาง ไปยังทิศที่ต้องการ อย่าปล่อยพวงมาลัยหลวมมือ ครับ

MG Maxus 9 หรูคุ้ม สมรรนถะได้ใจ ราคานี้ โคตรคุ้ม

หลังจากถึงที่หมาย ผมมอง MG Maxus 9 พร้อม ตั้งคำถามว่า มันคุ้มไหม???

สำหรับคนที่มองหารถยนต์แบบนี้ ซึ่งจริงๆ ใช้งานในการเดินทางในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะขับเอง หรือมีคนขับให้ ผมมั่นใจ คุ้มค่าแน่นอนครับ

สมรรถนะตัวรถ ออกไปในทางนุ่มนวลขับง่าย ทัศนวิสัย กว้างมองชัด ทั้งยังมีช่วงล่างที่ค่อนข้างมั่นใจ และนั่งสบาย กับราคานี้ได้รถประมาณนี้ ผมว่า 2.69 ล้านบาท ไม่ใช่ราคาที่แพงครับ

MG Maxus 9 V  สีเทา

ถ้าเทียบกับ Toyota Alphard ?

ส่วนตัวผมเคยลอง ตัว 2.4 ลิตร ไฮบริด ตั้งแต่ช่วงเปิดตัวออกมาใหม่ๆ ฟีลของ Alphard เรียนตามตรงว่าค่อนข้างจะนั่งสบายกว่าเล็กน้อย ส่วนสำคัญ มาจากช่วงล่างที่ทำออกมาเน้นความนุ่มนวล จากความรู้จากรุ่นสู่รุ่น

เรื่องการขับขี่ก็ทำออกมาในระดับเน้นสมรรนถะประมาณหนึ่งเวลารีบ ด้วยการใช้ ระบบไฮบริด ทำให้ สามารถ กระจายน้ำหนักชิ้นส่วนไปยังตัวรถในจุดต่างๆ แม้ว่าจะมีชิ้นส่วนจุดจิกมาก แต่ก็ถูกนำไปวางในจุดต่างๆ ช่วยสร้างสมดุลในการขับขี่ได้

ที่จริง น้ำหนัก Toyota Alphard Hybrid มีพิกัดอยู่ที่ 2,210 กก. น้อยกว่าทาง MG เกือบ 100 กก.

เปรียบเทียบกันจึงเป็นรถที่ค่อนข้างคล่องตัวกว่า เวลานายหัวร้อน และสารถีต้องเร่งรีบไปรับให้ทันเวลา หรือต้องขับทำเวลา

ด้วยการผสานกำลังเครื่องยนต์ และมอเตอร์ ที่มีแรงบิดสูง ทำให้ เวลาเร่งจะค่อนข้างไปไวไม่แพ้กัน ประกอบกับน้ำหนักเบากว่า จึงตอบสนองได้ ทันใจ แม้ว่ากำลังขับ จะน้อยกว่าก็ตามที

ส่วนเบาะนั่ง เท่าที่จำได้ มีความสบายในระดับหนึ่ง แต่เหมือนเน้น ที่คนญี่ปุ่นเสียมากกว่า

หลังลองขับ MG Maxus 9 ผมว่า มันทำได้ใกล้เคียงอยุ่ในระดับหนึ่ง สิ่งที่ แม็กซัส ดีกว่า คือเรื่องเบาะนั่ง ซึ่งมีลูกเล่นฟังชั่นเยอะกว่าพอตัว ตรงนี้ยอมรับ

ในส่วนการขับขี่ กำลังขับของมันอาจจะเยอะกว่า แต่ด้วยน้ำหนักตัว เอาเข้าจริง ทำให้อัตราเร่งเท่าที่จำได้ จะไม่หนีกัน แบบฉีกกันไปเลยอย่างชัดเจน เพียงแต่การตอบสนองมอเตอร์ไฟฟ้า MG ค่อนข้าง จะดีกว่าเล็กน้อย

กลับกัน ระบบไฮบริด ด้วยแบตเตอร์รี่ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก หากแบตเตอร์รี่ อยู่ในระดับต่ำ การตอบสนองมอเตอร์ไฟฟ้า จะถูกทอนความสามารถลงไป

เรื่องความสบายในการโดยสาร ไม่หนีกันมาก ที่จริง MG ติดนุ่มกว่าด้วยซ้ำ เนื่องจาก รถมีน้ำหนักเยอะกว่า ดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงล่างด้านหลัง

สิ่งที่ MG ย่อม ทำได้ดีกว่า คือ เรื่องการเก็บเสียงภายในรถ ด้วยการใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ ทำให้ เสียงรบกวน แรงสั่นจากเครื่องยนต์ไม่มี และไม่กวนใจ

อย่างไรก็ดี All New Toyota Alphard มีกำหนด การเปิดตัวในเดือน มิถุนายนนี้ ก็ต้องมาดูว่า รุ่นใหม่ มีการปรับปรุงไปมากเพียงใด

ถ้าถามผมรวมๆ MG Maxus 9 ค่อนข้างทำได้ดีในระดับที่น่าพอใจ ในแง่สมรรถนะการขับขี่เรียกว่าเพียงพอต่อการใช้งาน มีความสบายในการโดยสา รและฟังชั่นเยอะ ในแบบค่ายจีน ในราคาเท่านี้ถือว่าคุ้ม แถม คุณได้รถยนต์ไฟฟ้า ด้วยล่ะ

เรื่องและขับทดสอบ โดย ณัฐพิพัฒน์ วรโชติโกศล

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่