ครั้งหนึ่ง Mercedes-Benz ได้เคยประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าพวกเขาเอง ก็จะเป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตที่ผันตัวสู่โลกยานยนต์รถไฟฟ้า 100% ในสิ้นศตวรรษนี้ แต่ด้วยทิศทางการตลาดที่ไม่เป็นดังหวังเท่าไหร่นัก ทำให้แม้แต่แผนการเลิกขายน้องเล็กอย่าง A-Class เอง ยังต้องถูกปรับ เพื่อให้รับกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

ย้อนไปเมื่อกลางปี 2021 ทาง Mercedes-Benz ประกาศเตรียมผันตัวไปสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนแบบ 100% ภายในปี 2030 โดยจะต้องขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้คิดเป็นสัดส่วน 50% ของยอดขายในแบรนด์ ภายในปี 2025

จากนั้นไม่นาน ในปีถัดมา หรือก็คือช่วงกลางปี 2022 พวกเขาก็ได้มีการระบุเพิ่มเติมอีกว่า ในฝั่งของรถยนต์ตระกูลเล็กอย่าง A-Class และ B-Class เจเนอเรชันปัจจุบันต่างก็จะถูกยุติการผลิตภายในปี 2025 ด้วย

โดยประเด็นน่าสนใจเพิ่มเติมก็คือ ทางค่ายจะไม่มีรุ่นใหม่ออกมาสานต่อตำแหน่งทางการตลาดโดยตรงอีกต่อไป แต่จะหันไปสร้างตัวรถขึ้นบนแพลตฟอร์มของรถยนต์ไฟฟ้าแบบใหม่ที่ทันสมัย และน่าจะตอบโจทย์ลูกค้าในอนาคตจากการคาดการณ์ทิศทางตลาดช่วงเวลานั้น มากกว่าแทน (ซึ่งตอนนี้แผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ ที่ใช้แพลตฟอร์มลักษณะดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปตามปกติอยู่)

อย่างไรก็ดี จากหลายข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาขวบปีที่ผ่านมา กลับกลายเป็นว่าเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่มีทีท่าว่าจะถูกลง จนทางค่ายสามารถนำมันมาทำรถยนต์ไฟฟ้าระดับเริ่มต้นของแบรนด์เพื่อดึงดูดลูกค้าหน้าใหม่ได้ง่ายเท่าไหร่นัก

นอกจากนี้ เมื่อมองจากสถานการณ์ทางการตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน ที่ไม่ได้มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเหมือนดังที่ใครหลายๆคนคาดการณ์เอาไว้ในตอนแรก จึงทำให้เป้าหมายการขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 50% ของยอดขายของแบรนด์ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2025 ในตอนแรก ก็อาจล่าช้าไปจนถึงปี 2030 เลยด้วยซ้ำ

นั่นจึงทำให้ล่าสุด นาย Ola Kallenius ประธานบอร์ดบริหารของ Mercedes-Benz ได้ตัดสินใจออกมาเปิดเผยว่าทางแบรนด์จะยังคงวางขายรถขุมกำลังเครื่องยนต์สันดาปภายจากแพลตฟอร์มที่มีในปัจจุบันต่อไปในทศวรรษหน้า (จะยังคงขายต่อไปแม้เข้าสู่ปี 2030) ซึ่งนั่นรวมถึงการที่พวกเขาจะยังคงวางจำหน่ายตัวรถ A-Class ต่อไปอีกอย่างน้อย 2 ปี หรือก็คือจนถึงปี 2026 จากเดิมที่ตั้งใจไว้ว่าจะเลิกขายภายในปี 2025

ไม่เพียงเท่านั้้น Ola Kallenius ยังระบุอีกว่า ช่องว่างของราคา ระหว่างรถยนต์ขุมกำลังสันดาปภายใน กับรถยนต์ไฟฟ้า 100% ยังไม่อยู่ในจุดที่ใกล้เคียงกันนัก ซึ่งมันส่งผลต่อความต้องการของลูกค้าในตลาดมากพอสมควร

“ผมไม่คิดว่าจะมีใครมองว่าการเปลี่ยนผ่านโลกอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในทศวรรษเดียวจะง่ายเหมือนเป็นเส้นตรงนะ”, “มันต้องมีทั้งขาขึ้นและขาลง” ซึ่งส่งผลให้สิ่งที่ผู้ผลิตเคยคาดการณ์ไว้เปลี่ยนแปลง และพวกเขาต้องพากันปรับแผนใหม่ อย่างเช่นที่เกิดขึ้นกับ Mercedes-Benz ในตอนนี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่