ปลายปีนี้ Mercedes-Benz เสริมทัพรถใหม่เขย่าตลาดรถหรูอีกระลอกเน้นขุมพลังดีเซลพกถ่านก้อนเล็กแบบ Mild Hybrid โดยเปิดตัวพร้อมกันสามรุ่น

ตั้งแต่รุ่น Mercedes-Benz C-Class Mercedes-Benz GLC และ Mercedes-Benz GLE รุ่นปรับโฉมปรับครั้งแรกในรอบ 5 ปี หน้าใหม่แต่ยังเค้าโครงของเดิมไว้ตั้งแต่กระจังหน้าแนวนอนชั้นเดียวอันโดดเด่นพร้อมตราโลโก้สามห่วง ใหม่ รับกับชุดกันชนหน้าใหม่พร้อมช่องระบายอากาศที่ใหญ่ดูดีกว่า โคมไฟหน้า LED high-performance หรือ MULTIBEAM LED ใหม่ออกแบบเสริมความดุดันให้กับรถได้ ด้านท้ายยังคงเดิมแต่เปลี่ยนในส่วนไฟท้าย LED โคมใหม่ ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 21 นิ้วพร้อมยางหน้า 275/45 R21 และยางหลัง 315/40 R21

ภายในปรับเปลี่ยนลายพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านใหม่ โทนสีภายในใหม่ ลายไม้ใหม่ ตกแต่งสีดำเงาใหม่แต่อย่างอื่นคงเดิมทั้ง ระบบมัลติมีเดีย MBUX (Mercedes-Benz User Experience) ทั้งจอแสดงผลความละเอียดสูงแบบ Digital widescreen cockpit ขนาดใหญ่พิเศษ 12.3 นิ้ว จำนวน 2 จอต่อเนื่องกัน ทั้งมาตรวัดและจอสัมผัสปรับปรุงใหม่ ฟังก์ชันเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการ iOS และ Android (Apple CarPlay™ & Android Auto) ช่อง USB Type C ที่นั่งทุกแถว ควบคุมและสั่งงานด้วย Touchpad ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารแบบ 64 สี (ambient lighting) มาพร้อมกับบริการ ‘Mercedes me connect’ ห้องโดยสาร 7 ที่นั่ง เก็บสัมภาระด้านหลังยังมีสูงถึง 855 ลิตร และเพิ่มได้สูงถึง 2,055 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวที่สองและแถวที่สามลงในรุ่น GLE

ขุมพลังที่จำหน่ายจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบแถวเรียงรหัส OM654 2.0 ลิตรให้กำลังสูงสุด 269 แรงม้าที่ 4,200 รอบรอบนาที แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตรที่ 1,800-2,200 รอบต่อนาที อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 6.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จับคู่กับระบบ Mild Hybrid EQ Boost เสริมกำลังเครื่องยนต์ได้ถึง 20 แรงม้า 200 นิวตันเมตร พร้อมแรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้ เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษเป็นตัวกลาง ช่วยการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับระบบเกียร์ช่วยในการเร่งแซงเร้าใจมากขึ้น พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC เพิ่มระบบ Torque on Demand กระจายล้อหน้าและหลังแบบอัตรา 0-100% จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-TRONIC โดยจำหน่ายในราคา 5,530,000 บาท พบตัวจริงที่ Motor Expo 2023 สิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่