ทางเลือกใหม่สำหรับแฟนๆขาซิ่งที่รอคอยรถแรงจากโรงงานอย่าง AMG กับ Mercedes-AMG E53 HYBRID 4MATIC+ครั้งนี้เปิดพร้อมกันทั้งซีดานและแวกอน

หล่อทั้งคันตั้งแต่กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมขอบดำพร้อมตราดาวขนาดใหญ่ไส้ในกระจังเป็นแนวตั้งสีดำ 14 ซี่ แบบ Panamericana กันชนหน้าทรงคล้ายเงือกแบบ A Wing สีดำตัดสีตัวรถพร้อมช่องระบายอากาศขนาดใหญ่สามจุด สามจุด ด้านข้างเพิ่มเสน่ห์ด้วยบังโคลนที่ขยายซุ้มล้อหน้ากว้างถึง 11 มิลลิเมตร ช่องระบายอากาศด้านข้างตัวถัง Side Vent สีดำ 3 ช่อง ติดตรา Turbo Hybrid ใต้ช่อง คิ้วชายล่างตกแต่งขลิบสีดำ

ชุดกระจกมองข้าง กรอบกระจกตกแต่งสีดำเงา ด้านท้ายเสริมสปอยเลอร์หลัง ออกแบบกันขนท้ายใหม่ติดตั้งลิ้นสปอยเลอร์สีดำเงาครอบทับกันชนหลัง พร้อมท่อไอเสียคู่สองฝั่ง ล้ออัลลอยชุดใหม่ขนาด 19 นิ้วเป็นออปชันมาตรฐานหรือจะอัพไซซ์ให้ใหญ่ขึ้นเป็นขนาด 20 หรือ 21 นิ้ว และชุดแต่งเสริมด้วยโครเมียมสีดำหรือคาร์บอนไฟเบอร์ AMG Outside Night Package (I และ II) และ AMG Carbon Outside Package ได้ตามใจชอบ

ภายในห้องโดยสาร มากับเบาะนั่งแบบสปอร์ต AMG ปรับด้วยไฟฟ้า หุ้มด้วยหนังเทียม ARTICO และไมโครไฟเบอร์แบบไมโครคัทเดินด้ายสีแดงอย่างเรียบเนียน และเบาะนั่งสปอร์ตกว่า AMG Performance เป็นออปชันเสริม พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านท้ายตัด AMG Performance หุ้มด้วยหนัง Nappa ผสมลายไม้สีเข้ม เข้มพร้อมติดตั้งลายไม้บนแผงคอนโซลหน้า แผงประตูประดับ ไฟสร้างบรรยากาศ Active Ambient Lighting เรืองแสงฟ้าสี่ที่บ่งบอกว่าคันนี้เป็น Plug In Hybrid และคาดว่าปรับได้มากกว่า 64 สี

ขุมพลังเป็นเบนซินเทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ 6 สูบแถวเรียงขนาด 3.0 ลิตร มอบพละกำลังสูงสุดถึง 449 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 560 นิวตันเมตร พ่วงด้วยระบบ Plug In Hybrid มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว 163 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ขนาด 28.6 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้พลังสูงถึง 585 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร

วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 101 กิโลเมตรในรุ่นซีดานและ 97 กิโลเมตรในรุ่นแวกอน ตามมาตรฐาน WLTP และความเร็วสูงสุดในโหมดไฟฟ้า 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 4.0 วินาทีในรุ่นซีดาน และ 4.1 วินาทีในรุ่นแวกอน ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็วกระแสตรง DC สูงสุด 60 kW 10-80% ในเวลาประมาณ 20 นาที และชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 11kW

เสริมด้วย AMG Dynamic Package ที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม ปล่อยพลังถึง 612 แรงม้า เมื่อเปิดใช้งานโหมด Race Start อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเร็วขึ้นกว่าเดิม 3.8 วินาทีในรุ่นซีดาน และ 3.9 วินาทีในรุ่นแวกอน ความเร็วสูงสุด 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในรุ่นซีดานและ 275 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในรุ่นแวกอน

คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด AMG SPEEDSHIFT TCT 9G ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อมเทคโนโลยี AMG Performance 4MATIC+ แบบแปรผันได้สมบูรณ์แบบ พร้อมโหมดการขับขี่  AMG DYNAMIC SELECT รวมไปถึงระบบช่วงล่าง AMG RIDE CONTROL เบื่องต้นเตรียมขายทั่วโลกปลายปี 2024

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่