แม้จะพึ่งมีการเปิดตัวร่างปรับโฉมแบบ Minorchange ในไทยไปเพียงไม่นาน แต่ล่าสุดกลับมีข้อมูลว่า Mazda 2 จะได้รับการปรับโฉมอีกครั้งในปีหน้า แถมเป็นการปรับใหญ่ที่ไม่ได้มีเพียงหน้าตาที่ต่างไปจากเดิมเพียงอย่างเดียวอีกด้วย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นข้อมูลจากสื่อ Response.jp ที่ระบุว่า ในเร็วๆนี้ชาวญี่ปุ่นจะได้พบกับ Mazda 2 รุ่นใหม่ ที่ได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่ ในระดับ All-New หรือ Model Change ซึ่งจะมีความแตกต่างอย่างชัดเจนจาก Mazda 2 รุ่นปรับเปลือกที่พึ่งเปิดตัวในบ้านเราเพียงไม่นาน

โดยสำหรับงานปรับปรุงหลักๆของตัวรถ แม้ทางสื่อต้นทางจะยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามันจะถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มโครงสร้างตัวรถแบบใหม่ หรือใช้โครงสร้างของตัวรถรุ่นปัจจุบันนำไปต่อยอด แต่พวกเขาก็มองว่าอย่างน้อยที่สุด ทาง Mazda ก็จะยังคงออกแบบมันด้วยงานดีไซน์เอกลักษณ์ “Kodo Design” ดังเดิม

แต่ในคราวนี้จะมีการปรับรายละเอียดใหม่ โดยเน้นการเพิ่มความหรูหราให้มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าชาวญี่ปุ่น รวมถึงยุโรปให้มากขึ้น ซึ่งอันที่จริงดูเหมือนว่ามันจะเป็นความพยายามของทาง Mazda ในการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆของพวกเขาอยู่แล้วในช่วงไม่กี่ปีมานี้

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญก็คือเรื่องขุมกำลัง Mazda 2 รุ่นใหม่ ที่ทางสื่อรายนี้ระบุไว้ว่า นอกจากมันจะยังคงมาพร้อมกับขุมเดิม ตั้งแต่ Skyactiv-G 1.5 ลิตร, Skyactiv-D 1.5 ลิตร, เบนซิน 1.5 ลิตร + ระบบ Mild Hybrid ดังเดิม ส่วนเครื่องยนต์ Skyactiv-X 1.5 ลิตร ก็เหมือนจะหายไปอย่างถาวร

แต่คราวนี้มันจะได้ขุมกำลังไฮบริดเสียบปลั๊ก หรือ PHEV แบบเดียวกับ Mazda MX-30 R-EV ด้วย นั่นคือ ขุมกำลังเครื่องยนต์โรตารี โรเตอร์เดี่ยว ขนาด 803cc มีอัตราส่วนกำลังอัด 11.9 : 1 ให้กำลังสูงสุด 75 แรงม้า ที่ 4,700 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 116 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ที่ไม่ได้มีไว้ส่งกำลังไปยังชุดล้อ

ทว่ามีไว้ปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่ ด้วยกำลังไฟสูงสุด 1,500 วัตต์หรือไม่ก็ส่งไฟที่ว่าไปปั่นมอเตอร์ที่เป็นขุมกำลังหลักเพียงหนึ่งเดียวของตัวรถ สำหรับขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้า ด้วยกำลังสูงสุด 170 แรงม้า PS และแรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร

ด้านแบตเตอรี่ที่ให้มา ยังมีความเป็นไปได้ที่มันอาจจะถูกปรับเปลี่ยนไปจากของ MX-30 R-EV แต่หากอิงจากตัวรถที่เป็นร่างต้นขุมกำลังนี้ มันก็จะได้แบตเตอรี่ขนาด 17.8 kWh ซึ่งสามารถวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนได้ไกลสุด 85 กิโลเมตร/ชาร์จ และหากเป็นการชาร์จไฟที่บ้านด้วยแท่นชาร์จแบบ Wallbox กำลัง 11 kW มันก็จะสามารถชาร์จไฟได้เต็มจาก 0-100% ภายในเวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที หรือหากเป็นการชาร์จด้วยระบบชาร์จไว DC Charge มันก็จะรองรับแรงดันไฟสูงสุดที่ 36 kW และสามารถชาร์จไฟ 20-80 เปอร์เซ็นต์ ในเวลาเพียง 25 นาที

ทั้งนี้ ข้อมูลทั้งหมดที่ไล่เรียงมา ยังเป็นเพียงข้อมูลที่อ้างอิงจากการคาดการณ์โดยสื่อญี่ปุ่นเพียงเจ้าเดียวเท่านั้น และยังไม่มีการให้ข้อมูล หรือเปิดเผยข้อมูลใดๆจากทาง Mazda เองทั้งสิ้น ดังนั้นหากใครสนใจ จึงอยากให้ฟังหูไว้หูกันไปก่อน และรอติดตามข้อมูลกันต่อไป

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่