การกลับมาของสัญลักษณ์ที่แท้จริงของแบรนด์ Maserati พร้อมการเผยโฉม All-New GranTurismo (กรันทูริสโม) ใหม่ นับเป็นการเปิดตำนานบทใหม่ ที่เริ่มขึ้นจาก Maserati A6 1500 เมื่อ 75 ปีก่อน

Maserati GranTurismo 2023 รถยนต์สไตล์คูเป้ เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวของสมรรถนะแบบรถสปอร์ต เข้ากับความสะดวกสบายที่เหมาะกับการเดินทางไกล เปิดตัวพร้อมกันสองเวอร์ชั่น คือ รุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายใน อันทรงพลังและสุดยอดนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Others Just Travel’ อีกทั้งยังเป็น Maserati รุ่นแรกในประวัติศาสตร์ ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100%

งานดีไซน์ของ GranTurismo นำเสนอความสง่างามและสมรรถนะเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร และสามารถจดจำได้ในทันที เส้นสายดูเรียบง่ายแต่ชัดเจน ผสานประสิทธิภาพการขับเคลื่อนที่ดีสุด สะท้อนตัวตนและความพิถีพิถันในการออกแบบ ขณะเดียวกันก็ยังรักษาสัดส่วนอันเป็นเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างครบถ้วน ด้วยฝากระโปรงหน้าทรงยาว และตำแหน่งผู้ขับที่อยู่กึ่งกลางระหว่างล้อทั้ง 4 มาพร้อมหลังคาลาดต่ำสู่ด้านหลัง เน้นให้เห็นความโค้งมนของเสาซีที่มีโลโก้ตรีศูลติดตั้งอยู่

Maserati GranTurismo ผ่านการพัฒนาจาก Maserati Innovation Lab และผลิตที่โรงงานมิราฟิออรี ในตูริน ประเทศอิตาลี สะท้อนถึง ‘ความหรูหราสมรรถนะแบบอิตาเลียน’ อันเป็นแนวคิดที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ Maserati ทุกรุ่น

ขุมพลัง V6 Nettuno เบนซิน 3.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ติดตั้งในสองรุ่นย่อย คือ Modena ทำได้ 490 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร พร้อมทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 302 กิโลเมตร/ชั่วโมง กับรุ่น Trofeo ที่ผ่านการอัพเกรดเพิ่มกำลังเป็น 550 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร พร้อมทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 320 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ส่วน GranTurismo Folgore ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ส่งกำลังผ่านมอเตอร์แม่เหล็กไฟฟ้า 300-kw จำนวน 3 ตัว และใช้พื้นฐานจากเทคโนโลยีมอเตอร์ 800 โวลต์ ของรถแข่งฟอร์มูลาอี (Formula E) ซึ่งถูกเซ็ทให้สามารถสร้างกำลังขับได้ 560 กิโลวัตต์ หรือ 760 แรงม้า (มอเตอร์สามารถสร้างกำลังรวมกันได้สูงสุดจริงๆคือราวๆ 1,200+ แรงม้า แต่ถูกจำกัดไว้เพื่อความทนทาน และความปลอดภัย) พร้อมทำแรงบิดสูงสุดรวมกันมากถึง 1,350 นิวตันเมตร ช่วยให้รถพร้อมทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 2.7 วินาที และมีความเร็วสูงสุด 325 กิโลเมตร/ชั่วโมง

รวมไปถึงนวัตกรรมอันทันสมัยในการติดตั้งแบตเตอรี่ความจุ 92.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง แบบ ‘T-bone’ หรือติดตั้งไว้บริเวณโครงสร้างกลางรถ แทนที่การติดตั้งไว้ใต้เบาะผู้ขับ ส่งผลดีต่อบาลานซ์และจุดศูนย์ถ่วงของรถ กับความสูง 1,353 มม. นับเป็นส่วนหนึ่งของคอนเซ็ปต์ ‘zero compromise’ ตามสไตล์ Maserati

สถาปัตยกรรมเชิงเทคนิคของรถรุ่นใหม่นี้ คือ ผลลัพธ์ของโปรเจ็กต์ด้านนวัตกรรมในการนำวัสดุที่เบาที่สุดมาใช้ เช่น การใช้อะลูมิเนียมหรือแมกนีเซียม ร่วมกับโลหะเกรดสูง ซึ่งการทำแบบนี้จำเป็นต้องมีการปรับกระบวนการผลิต แลกกับการได้มาซึ่งวัสดุที่เบาและมีประสิทธิภาพชั้นเลิศ

นอกจากนั้นก็ยังมีระบบอิเล็กทรอนิกส์ Atlantis High อันล้ำสมัย ภายใต้มาตรฐาน canFD ที่มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วสุดถึง 0.002 วินาที มาพร้อมระบบ cyber-security ระดับ 5 และฟีเจอร์ flash-over-the-air และศูนย์กลางในการควบคุมระบบ Vehicle Domain Control Module (VDCM) ประกอบไปด้วยซอฟต์แวร์ที่พร้อมมอบความสะดวกสบายให้แก่คนขับ ในการควบคุมระบบที่สำคัญทั้งหมดของรถยนต์แบบ 360° เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ผู้ขับในทุกสถานการณ์

ห้องโดยสารติดตั้งนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยระบบมัลติมีเดีย Maserati Intelligent Assistant (MIA), อินโฟเทนเมนท์ใหม่ล่าสุด, หน้าจอ comfort display ที่รวมเอาฟังก์ชั่นหลักของหน้าจอระบบสัมผัสแบบอินเทอร์เฟซ, นาฬิกาดิจิทัล และเทคโนโลยีระบบแสดงผลที่กระจกบังลมแบบ Heads-up Display (สามารถเลือกได้ตามความต้องการ)

นอกจากนี้ ยังมอบประสบการณ์พิเศษแบบ ‘all-round sound experience’ การันตีด้วยสุดยอดชุดเครื่องเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเครื่องยนต์ Maserati รวมทั้งในเวอร์ชั่นรถไฟฟ้า อันเกิดจากฝีมือการพัฒนานวัตกรรมของวิศวกรจาก Maserati Innovation Lab มอบประสบการณ์เสียงสมบูรณ์แบบในระบบ Sonus faber 3D ที่ถูกพัฒนาและออกแบบโดยช่างฝีมือชาวอิตาเลียนที่เชี่ยวชาญด้านเครื่องเสียงโดยเฉพาะ ด้วยระบบเสียงที่มีให้เลือกสองออปชั่น กับลำโพงมากสุดถึง 19 ตัว และพลังเสียงสามมิติกำลังขับ 1,195 วัตต์ เพื่อมอบความคมชัดและความโดดเด่นของระบบเสียงรอบทุกทิศทางได้อย่างแท้จริง

โดย All-New Maserati Granturismo ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย จะมีให้ลูกค้าได้เลือกครบทั้ง 3 รุ่นย่อย โดยราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะมีการเปิดเผยตัวเลขดังนี้

  • Maserati Granturismo Modena : 14,500,000 บาท
  • Maserati Granturismo Trofeo : 16,900,00 บาท
  • Maserati Granturismo Folgore : 12,900,000 บาท
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่