Lexus เปิดตัวรุ่น MY 2024 สำหรับ Lexus NX เอสยูวีทรงสปอร์ตที่ครั้งนี้ เพิ่มทางเลือกใหม่สำหรับขายลุยด้วยการเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่ Overtrail

โดดเด่นด้วยการตกแต่งด้วยสีดำที่กระจกมองข้าง มือจับประตู ราวหลังคา คิ้วล้อ และกระจังหน้าแบบ SPINDLE GRILLE ดูแข็งแกร่งดุดัน มาพร้อมสีภายนอกพิเศษ Moon Desert และล้ออัลลอยสีดำด้านขนาด 18 นิ้วดีไซน์ใหม่ พร้อมยางพิเศษสำหรับทุกสภาพถนน

ห้องโดยสารภายในเกรด Overtrail เป็นเอกลักษณ์ด้วยเบาะนั่งโทนสีพิเศษสีกากีและสีดำ พร้อมด้วยลายไม้แบบ Geo Layer ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายของชั้นหินธรรมชาติ ถูกออกแบบเป็นพิเศษเฉพาะรุ่น

ขุมพลัง Plug-in hybrid ตอบสนองทันความแรงและประหยัด ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร รหัส A25A-FXS ให้กำลังถึง 182 แรงม้า แรงบิด 227 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2ตัว 5NM 182 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร และรุ่น 4NM 54 แรงม้า แรงบิด 121 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวม 304 แรงม้า

ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุสูง 18.1 kWh คู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ ECVT พร้อม Sequential Shift ขับเคลื่อน 4 ล้อ e-Four กระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หน้าและล้อคู่หลัง ได้ตั้งแต่ 100 : 0 ถึง 20 : 80 สามรถวิ่งในโหมด EV ไฟฟ้าล้วน ได้ไกลกว่า 87  กิโลเมตร และสามารถทำความเร็วสูงสุดในโหมดไฟฟ้าได้ถึง 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จได้เฉพาะกระแสสลับ AC รองรับความการชาร์จสูงสุด 6.6 kW ภายใน 2.30 ชั่วโมง

พร้อมโหมดการขับขี่ 4 โหมด ได้แก่ 1. EV 2. EV/HEV แบบสลับอัตโนมัติ 3. HEV (Hybrid Electric Vehicle) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด 4. โหมดชาร์จแบตเตอรี่ และยังเพิ่มระดับความสูงของช่วงล่างให้สูงขึ้น 15 มิลลิเมตร ช่วยให้วิสัยทัศน์ของผู้ขับขี่ดีขึ้น มองเห็นสภาพแวดล้อมรอบข้างได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้สามารถวิ่งบนถนนที่ขรุขระได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในราคา 4,180,000 บาท

นอกจากนี้ยังแนะนำ Lexus NX รุ่นปกติด้วยดีไซน์ภายนอกที่ดูสปอร์ต โฉบเฉี่ยวและทันสมัย ด้วยกระจังหน้า SPINDLE GRILLE ไฟท้ายรูปทรงตัว L สอดรับกับโลโก้แบบใหม่ของเลกซัส พร้อมไฟหน้า LED แบบใหม่ 3-eye และ 1-eye ดีไซน์เรียบหรูกับไฟเลี้ยวแบบ Sequential Turning พร้อมไฟ DRL แบบ “Nike-swoosh” รูปตัว L ที่แยกจากกัน ด้านท้ายด้วยไฟท้าย LED แบบลากยาวตลอด เชื่อมด้วยแถบโครเมี่ยมยาวโลโก้ตัวอักษร Lexus แทนโลโก้ทรงกลม ล้ออัลลอยลายขนาด 18 นิ้ว และ ขนาด 20 นิ้ว

ภายในได้ถูกออกแบบมาให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลาง โดยมีการนำเทคโนโลยีต่างๆมาใช้ ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 9.8 นิ้ว และ 14 นิ้ว ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ได้อย่างสะดวก และง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส นอกจากขุมพลัง Plug In Hybrid แล้ว

ยังมีขุมพลัง Full Hybrid ด้วย เบนซิน Hybrid 2.5 ลิตร A25A-FXS 187 แรงม้า แรงบิด 239 นิวตันเมตร พร้อมกับ มอเตอร์ไฟฟ้าชนิด Permanent Magnet Synchronous Motor 182 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ไฮบริดชนิดลิเธียมไอออน ขนาด 1.1 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้ารวม 240 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ ECVT

มาพร้อมกับสีภายนอกให้เลือกถึง 12 สี โดยมีสีใหม่คือ Sonic Copper กับ Moon Desert*** พร้อมสีเดิมทั้ง White Nova Glass Flake** Sonic Quartz* Sonic Titanium Sonic Chrome Black Graphite Black Glass Flake Madder Red Terrane Khaki Mica Metallic Heat Blue Contrast Layering** Celestial Blue Glass Flake

สำหรับรุ่นใหม่ Overtrail สามารถเลือกสีได้ทั้งหมด 7 สีดังนี้ Sonic Quartz, Sonic Titanium, Sonic Chrome, Graphite Black Glass Flake, Sonic Copper, Moon Desert และ Terrane Khaki Mica Metallic โดยมีราคาดังนี้

NX 350h

  • รุ่น Luxury  3,310,000 บาท
  • รุ่น Grand Luxury              3,460,000 บาท

NX 450h+

  • รุ่น Grand Luxury AWD     3,660,000 บาท
  • รุ่น Premium AWD  3,940,000 บาท
  • รุ่น F SPORT AWD 4,390,000 บาท

* สำหรับเกรด Luxury, Grand Luxury และ Premium เท่านั้น

** สำหรับเกรด F SPORT เท่านั้น

*** สำหรับ เกรด Overtrail เท่านั้น

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
Tags: