เปิดตัวอย่างเป็นทางการเสียทีสำหรับ KIA EV5 เอสยูวีไฟฟ้าน้องรอง KIA EV9 เปิดที่งาน Bangkok Motor Show ในราคาเริ่มต้นล้านสองกลางๆ

KIA EV5 ถอดแบบมาจากต้นแบบผสมกับความเป็นรุ่นพี่ EV9 ตั้งแต่กระจังหน้าดีไซน์เอกลักษณ์แบบหน้าเสือ หรือ digital tiger face ทรงทึบรับกับคิ้วขอบกระจังหน้าในรูปแบบแถบไฟ LED รูปตัวแอล พร้อมไฟหน้า LED 3 จุดซ่อนอยู่ข้างใน พาดยาวใต้โลโก้ KIA กับไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL แบบ LED รับกับกันชนหน้าดีไซน์เล่นระดับติดตั้งคิ้วใต้กันชนหน้า

กระจกมองข้างทรงปกติ พร้อมไฟเลี้ยว LED ราวหลังคาเนียนเรียบกับหลังคารถ เสา A ไปจนถึงเสา C ตกแต่งด้วยสีดำและเสา D ขนาดใหญ่ทาด้วยสีเดียวกับตัวรถ ไฟท้าย LED แนวยาวเรียวทรงรูปตัวซี กันชนหลังลงตัวเสริมคิ้วสีเงินออกแนวบึกบึน สปอยเลอร์บนกระจกหลังดีไซน์ดุดัน เสาอากาศครีบฉลาม ราวหลังคา

ฝาท้ายเปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า กับ ซันรูฟ แบบ Panoramic บริเวณด้านหน้าและด้านหลัง มาพร้อมซุ้มล้อและคิ้วชายล่างประตูตกแต่งโดนใจ ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนแบบ Flush type และล้ออัลลอย 18-19 นิ้ว ตัวรถสร้างจากพื้นฐาน Electric Global Modular Platform (E-GMP)

ภายในคอนโซลหน้าดีไซน์แนวนอนพร้อมจอคู่ขนาดใหญ่แบบลอยตัวที่มีทั้งมาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้วและจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว และ รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ไร้สาย อัปเดทซอฟต์แวร์แบบ OTA  พร้อม Kia Connect ระบบนำทางและตรวจสอบสถานะรถ เครื่องปรับอากาศแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมแอร์หลัง มีระบบอุ่นเบาและยังสามารถสั่งสตาร์ทรถในระยะไกลได้ Remote Smart Parking

ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระ 2 โซนพร้อมช่องระบบปรับอากาศสําหรับผู้โดยสารแถวที่ 2 จอแสดงผลสำหรับระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารขนาด 5 นิ้ว ที่ให้ข้อมูลและเนื้อหาที่ครอบคลุมแก่ผู้ขับขี่เพื่อสร้างประสบการณ์แบบอิมเมอร์ซีฟที่เหนือชั้น ด้วยเมนูคำสั่งที่ไม่ซับซ้อน ช่วยให้สามารถใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ที่เกี่ยวกับ EV ได้ง่ายยิ่งขึ้น

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสี่ก้าน พร้อมปุ่มการใช้งานที่ง่ายๆ เบรกมือไฟฟ้าพร้อมปุ่ม Auto Hold มาพร้อมมาพร้อมแผงปิดสัมภาระอเนกประสงค์ที่สามารถปรับตั้งให้กลายเป็นโต๊ะทานข้าวสำหรับการรับประทานอาหารของสมาชิกในครอบครัวได้ทั้งแบบในรถและแบบเอาท์ดอร์ สบายแบบสองตอนห้าที่นั่ง เบาะนั่งตอนที่ 2 นั่งสบายพับได้แบบ 60/40 พร้อมพื้นที่สัมภาระท้ายจุของได้จุใจมีช่องเก็บของใต้พื้นตัวรถ

มี ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย (Wireless Charger) เบาะนั่งหุ้มหนังวสังเคราะห์ พร้อมลำโพง Harman Kardon™ รอบคัน 10 จุด กับ ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกหน้า (HUD) ไฟเรืองแสง Ambient Light  64 สีเป็นต้นซึ่งเป็นออปชันเฉพาะรุ่น

ขุมพลังไฟฟ้ามาพร้อมสองทางเลือกสามความแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ให้ความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เริ่มที่รุ่น Light และรุ่น AIR มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยความจุแบตเตอรี่ 64.2 kWh ให้กำลังสูงสุด 217 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 490 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.5 วินาที

ชาร์จมีทั้งแบบกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 102 kW ชาร์จเร็ว 10-80% ภายใน 36 นาที ส่วนการชาร์จกระแสสลับ AC ชาร์จช้า รองรับกำลังไฟในการชาร์จ 7 kW 10-100% ภายใน 9.43 ชั่วโมง โดยหัวชาร์จแบบ CCS Type 2 และ AC แบบ Type 2

รุ่น Earth Long Range มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหน้า ด้วยความจุแบตเตอรี่ 88.1 kWh ให้กำลังสูงสุด 217 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 665 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 8.9 วินาที

รุ่น Earth Exclusive AWD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้กำลังมากสุด 308 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 620 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC  จากความจุแบตเตอรี่ 88.1 kWh อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 6.1 วินาที

ในรุ่น Earth ทั้งสองรุ่น ชาร์จมีทั้งแบบกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 141 kW ชาร์จเร็ว 10-80% ภายใน 38 นาที ส่วนการชาร์จกระแสสลับ AC ชาร์จช้า รองรับกำลังไฟในการชาร์จ 7 kW 10-100% ภายใน 8.10 ชั่วโมง โดยหัวชาร์จแบบ CCS Type 2 และ AC แบบ Type 2

สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้หลากหลายทั้งแบบ Normal Mode / ECO Mode / Sport Mode และ Smart Mode ช่วยเพิ่มความสนุกสนานและความสปอร์ตในการขับขี่พร้อมระบบ i-Pedal – One Pedal Driving Function ยังชาร์จ V2L สามารถต่อกระแสไฟ จากรถยนต์ไปพ่วงใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆได้

KIA EV5 ประกอบที่เมืองเหยียนเฉิง ประเทศจีน กำหนดการส่งมอบ รุ่น Light, Air และ Earth Long Range ในเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป และสำหรับรุ่น Earth Exclusive AWD คาดว่าจะสามารถทำการส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในช่วงเดือนสิงหาคม เป็นต้นไปมีทั้งหมดห้าสีทั้งสีขาวมุก Snow White Pearl สีดำ Starry Night Black สีเทา Shale Grey สีเขียว Iceberg Green** สีน้ำเงินFrost Blue** พร้อมราคาดังนี้

  • รุ่น Light ราคา 1,249,000 บาท
  • รุ่น  Air ราคา 1,349,000 บาท
  • รุ่น Earth Long Range ราคา 1,549,000 บาท
  • รุ่น Earth Exclusive AWD ราคา 1,749,000 บาท
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
Tags: