ในโลกยุคใหม่ บริษัทรถยนต์ทั้งหลายต่างพยายามอย่างมากในการสร้างความประหยัดในการขับขี่ และรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน เทคโนโลยีต่างๆ มากมายถูกเพิ่มเข้ามาในรถยยนต์สมัยใหม่ เพื่อบรรลุตามเป้าหมาย และระบบหยุดการทำงานเครื่องยนต์ชั่วคราว เป็นหนึ่งในหลายๆระบบที่เพิ่มเข้ามาให้เราได้ใช้กัน

ระบบหยุดการทำงานเครื่องยนต์ชั่วคราว หรือ  Idling Stop บ้างเรียก   Start-Stop  System เป็นระบบที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องยนต์ในรถยนต์ที่เราใช้ โดยระบบจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์ในเวลาที่กำหนด เมื่อพบว่าเครื่องยนต์ทำงานในรอบเดินเบาช่วงเวลาหนึ่ง ระบบจะดับเครื่องยนต์เอง และสตาร์ทขึ้นมาใหม่อีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่ต้องการเช่นเหยียบคันเร่งต้องการกำลังจากเครื่องยนต์

Mercedes-AMG C43 4MATIC Limousine, Night Paket und AMG Carbon-Paket II, Exterieur: Motorraum, Außenfarbe: obsidianschwarz metallic, Kraftstoffverbrauch kombiniert: 9,1 l/100 km; CO2-Emissionen kombiniert: 209 g/km // Mercedes-AMG C43 4MATIC Sedan, Night package und AMG Carbon-package II, Exterior: Engine compartment, Exterior paint: obsidian black metallic, Fuel consumption combined: 9.1 l/100 km; CO2 emissions combined: 209 g/km

หัวใจหลักสำคัญของการติดตั้งระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราว คือการลดการเผาไหม้จากเครื่องยนต์โดยไม่จำเป็นในระหว่างที่รถจอดหยุดนิ่งอยู่กับที่ เช่นในภาวการณ์จราจรติดขัด การดับเครื่องยนต์เป็นหนทางที่ดีที่สุดในการลดการกินน้ำมันโดยไม่จำเป็นเครื่องยนต์ และเมื่อเครื่องยนต์ไม่ทำงาน พวกมันจะไม่ปล่อยไอเสีย ไม่ก่อมลภาวะในระหว่างการนั่งเฝ้ารอจังหวะการจราจรที่อุ่นหนฝาคั่งด้วยเพื่อนร่วมทาง

Idling Stop   เริ่มติดตั้งเข้ามาในรถยนต์หลายรุ่นมาตั้งแต่ช่วงปี  2012 โดยมุ่งหวังสร้างความแตกต่างในเชิงความประหยัดจากการขับขี่  แต่ปรากฏว่า ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์สูง ในความไม่เหมาะสมกับเมืองไทน ที่เป็นเมืองร้อน เนื่องจากเมื่อหยุดการทำงานของเครื่องยนต์แล้ว อุปกรณ์ส่วนควบที่ทำหนเที่ให้ความสบายในห้องโดยสารจะถูกตัดการทำงานไปด้วย

 เช่นระบบปรับอากาศภายในรถ ชุดคอมเพรสเซอร์ระบบปรับอากาศที่อาศัยกำลังขับจากเครื่องยนต์จะหยุดลงตามไปด้วย ทำให้ระบบปรับอากาศในห้องโดยสารจะกลายเป็นเพียงพัดลมธรรมดาเท่านั้น ทำให้ไม่ได้รับความสบายในการโดยสาร เท่าที่ควร

นอกจากนี้รายงานจากผู้ใช้ส่วนใหญ่ต่างมองและเป็นห่วงถึงความอันตรายของระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราวในระหว่างการขับขี่ อาทิ จังหวะที่รถหยุดระหว่างรอกลับรถ หรือความกังวลต่อการออตัว ซึ่งเครื่องยนต์จะใช้เวลาสตาร์ทนาน จนไม่สามารถออกตัวได้เร็ว จนกลายเป็นคนไทยไม่ชอบระบบนี้และอยากจะปิดมันไม่ให้ทำงาน แม้ว่ารถรุ่นใหม่จะมีระบบนี้มาให้ใช้ก็ตามที

ในมุมหนึ่งระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ถูกมองว่าอาจเป็นจำเลยของการสึกหรอกของเครื่องยนต์ในระยะยาว เนื่องจากการดับๆ ติดๆ ของมัน ซึ่งทำงานตลอดเมื่อคุณเปิดระบบเอาไว้ แถมยังดูแล้วน่าจะเกิดน้ำมัน เนื่องจากคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าขั้นตอนการทำให้เครื่องยนต์จุดระเบิดเริ่มต้นในการทำงานนั้นจะต้องสูญเสียน้ำมันมากกว่า การที่เครื่องยนต์ทำงานรอบเดินเบา ทั้งที่เป็นเรื่องเข้าใจผิดมหันต์

ตามรายงานการทดสอบโดย   SAE Technical Paper  ในปี 2004 ในหัวข้อ  “Fuel consumption improvement of vehicle by idling Stop”  ได้ทดสอบเรื่องนี้โดยพวกเขาใช้รถยนต์เครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง 1500 ซีซี  ทดลองวิ่งเป็นระยะเวลา 90 นาที  โดยติดตั้งมาตรวัดน้ำมันที่ไหลเข้าเครื่องยนต์ว่า จะมีการบริโภคน้ำมันมากเท่าไร จากการทดสอบปรากฏว่า เครื่องยนต์ 5 A-FE   นั้นจะบริโภคน้ำมัน 0.170 ซีซีต่อวินาที หรือ  0.612 ลิตร ต่อชั่วโมง (612 ซีซี ต่อชั่วโมง) หรือประมาณเป๊ปซี่ขวด 17 บาท 1 ขวด 

โดยหลังจากได้อัตราบริโภคน้ำมันรวมแล้ว ในการทดสอบได้นำเอารถคันเดียวกันมาทดลองสตาร์ทเครื่องยนต์แล้วดับ หลายครั้งเพื่อตรวจสอบน้ำมันที่ใช้ในการเริ่มต้นการทำงานเครื่อง ผลปรากฏว่าได้ข้อมูลว่าเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี จะใช้น้ำมันเพียง 1.21 ซีซีเท่านั้น ในการทำให้เครื่องยนต์เริ่มการทำงาน

02 Online Preview - DO IT WITH MY JAZZ 01
รถยนต์เครื่อง 1500 ซีซี หาติดเครื่องเดินเบาไว้ 1 ชั่วโมง จะกินน้ำมันเท่าเป๊ปซี่ขวด 17 บาทเลยนะ 

ดังนั้นถ้ามองว่า เครื่องยนต์รอบเดินเบาประหยัดน้ำมันมากกว่าก็ถูกต้อง แต่นช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ถ้าเราจับเอา อัตราน้ำมันที่ใช้ในการสตาร์ทเครื่องยนต์ มาหารด้วยอัตราน้ำมันที่ไหลเข้าเครื่องต่อนาที จะพบว่า สตาร์ทเครื่องยนต์ 1 ครั้ง ใช้น้ำมัน 1.21 ซีซี ปล่อยเครื่องเดินเบา 1 วินาที ใช้น้ำมัน 0.170 วินาที เมื่อนำมาหาร ว่าเราควรปล่อยเครื่องเดินเบาไว้เท่าไรจะยังใช้น้ำมันน้อยกว่า การดับแล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่   1.21/0.170 = 7.1 วินาที

นั่นหมายความว่าหลังจาก 7 วินาที เป็นต้นไป การดับเครื่องยนต์แล้วสตาร์ทใหม่ จะให้ผลคุ้มค่ากว่าในการประหยัดน้ำมันอย่างไม่ต้องสงสัย และแน่นอนเครื่องยนต์ใหญ่ขึ้นก็กินน้ำมันมากขึ้น ทั้งในขั้นตอนการสตาร์ทและในการเดินเครื่องยนต์รอบเดินเบาด้วย  

ระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราว

ในการงานวิจัยเดียวกันนอกจากจะวัดอัตรากินน้ำมันแล้ว ยังมีนำข้อพิสูจน์ที่ได้ไปขับจริงบนสภาพการจราจรจริง  ซึ่งผลปรากฏว่า รถยนต์ที่ดับเครื่องยนต์ในระหว่างที่รถติด โดยใช้ระบบ idling Stop   นั้น จะกินน้ำมันน้อยกว่า โดยเฉพาะในสภาพการจราจรติดสาหัส รถที่ไม่สามรรถเคลื่อนตัวได้ รถที่ไม่ใช้ระบบหยุดการทำงานเครื่องยนต์ชั่วคราวอาจจะกินน้ำมันมากกว่าถึง 1 ก.ม/ลิตร ซึ่งเมื่อวัดค่าออกมาตามการทดลองงานวิจัยดังกล่าว พบว่า รถที่หยุดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราวประหยัดกว่า 4-8%   เมื่อเทียบกับรถติดเครื่องเดินเบาไว้ตลอดเวลา

ดังนั้นหากกล่าวโดยสรุป ถ้าคุณต้องจอดรถชั่วระยะเวลาหนึ่ง สมควรจะดับเครื่องยนต์เสีย เพื่อประหยัดน้ำมันและลดการปล่อยมลภาวะ เช่นเดียวกัน ถ้ารถคุณมีระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราวเปิดมันใช้น่าจะดีกว่า

แน่นอนเราหลายคนรักสบาย และระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ชั่วคราว หรือ idling stop นั้นดูจะเป็นอุปสรรคสำคัญขัดขวางในการใช้ชีวิตอย่างเพลิดเพลินบนถนนอย่างมาก หากการดับเครื่องยนต์ลดความสบายลงนิดได้ประหยัดและรักษาสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อลูกหลานมากขึ้น อาจเป็นสิ่งที่เราสมควรทำ เพราะมันมีประโยชน์ต่อทั้งสังคมและตัวเรา

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่