เอาจริงเอาจังสำหรับค่ายรถแดนกิมจิอย่าง Hyundai ที่นอกจากจะเปิดตัวแบรนด์ลูกถึงสองแบรนด์แล้วแบรนด์หลักก็มีรถใหม่เช่นกันอย่าง Hyundai Santa FE

โดยรุ่นที่เข้ามาขายในไทยจะเป็นเจนที่สี่ไม่ใช่เจนที่ห้าแม้เป็นรถตกรุ่นแต่หน้าตายังสวยหรูเด่นเริ่มที่ กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมลวดลายทรงเรขาคณิต ไฟหน้า LED ออกแบบให้มีเอกลักษณ์ ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ T-shaped LED Daytime ตั้งแต่ด้านบนของกระจังหน้าตัดผ่านเพื่อสร้างรูปทรงตัว “T” ไฟท้ายดูโฉบเฉี่ยวแบบ LED ติดตั้งขวางอยู่บริเวณของประตูท้ายลักษณะเป็นแท่งไฟเพรียวบางเสริมแนวเดียวกันทั้งด้านหน้าและด้านข้างแผ่นสะท้อนแสงด้านหลังที่กว้างและแผ่นกันกระแทกที่ออกแบบให้เป็น 3 ระดับขั้น ซุ้มล้อที่กว้างเพิ่มขึ้นขนาดล้อเหลายลวดลายเน้นให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทรงพลังมีตั้งแต่ขนาด 17-20 นิ้ว

ภายในเพิ่มพื้นที่และความสะดวกสบายหรูหราตกแต่งเน้นความประณีตจากวัสดุหนังสัมผัสระดับพรีเมียม ระบบเกียร์ปุ่มแบบ Shift-by-Wire ติดตั้งหน้าจอระบบสัมผัสทัชสกรีนเพื่อความบันเทิงและเชื่อมต่อในรถยนต์ที่สมบูรณ์แบบขนาด 8 กับ 10.25 นิ้ว รองรับระบบ AVN Apple CarPlay และ Android Auto และลำโพง 6 จุดสูงสุด 10 จุดจาก Harman Kardon มาตรวัดดิจิทัล 12.3 นิ้ว ผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้ารู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากขึ้นเบาะนั่งตอนที่สองและตอนที่สามรวมกันเป็นสามแถวเจ็ดที่นั่ง สามารถพับตอนที่สองกับสามได้มีพื้นที่การขนของด้านท้ายมากถึง 571-782 ลิตร

ขุมพลังมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นขุมพลังลูกผสมกับเบนซินเทอร์โบ Smartstream G1.6 T-GDi Hybrid ให้พลัง 180 แรงม้า แรงบิด 265 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 60 แรงม้า แรงบิด 264 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ Lithium-Ion Polymer ความจุ 1.49 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวมสูงสุด 230 แรงม้า แรงบิดรวม 350 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ HTRAC All-Wheel-Drive (AWD) มาพร้อมกับตัวเลือกในโหมดการขับขี่ Multi Terrain Mode เลือกโหมดการขับขี่เฉพาะสภาพถนนได้แก่โหมดบนทราย (Sand) หิมะ (Snow) และโคลน (Mud) พร้อมโหมดการขับขี่ทางเรียบเลือกได้สี่โหมดตั้งแต่โหมด Eco, Sport, Smart และ Comfort (เฉพาะรุ่นเบนซินกับดีเซล) ซึ่งระบบจะจดจำโหมดสุดท้ายของผู้ขับขี่อัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องเลือกโหมด Hyundai Santa FE เนำเข้าจากมาเลเซียเปิดตัวที่งาน Motor Expo 2023 ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน-11 ธันวาคม นี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่