Honda CR-V อาจมีภาพจำในฐานะรถยนต์อเนกประสงค์ เน้นตอบโจทย์การใช้งานกับครอบครัวเป็นหลัก แต่หลังจากนี้คุณอาจได้เก็บภาพจำของมันใหม่ ในฐานะรถแข่งเต็บสูบที่มีพละกำลังมากถึง 800 แรงม้า

Honda CR-V Hybrid Racer Project Car คือตัวแข่งที่จู่ๆ Honda Performance Development (ฝ่ายพัฒนาตัวแข่ง และของแต่งสำหรับใช้ในการแข่งขันของ Honda USA คล้ายๆกับ HRC ของบริษัทแม่) ก็ครึ้มใจสร้างมันขึ้นมา โดยไม่มีการบอกกล่าวรายละเอียดใดๆทั้งสิ้นมาก่อนหน้านี้ กว่าชาวโลกจะรู้ตัวกันอีกที ก็ได้เห็นเป็นคลิปทีเซอร์ที่ถูกปล่อยออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้แล้ว

และถึงแม้ทาง HPD จะเป็นต้นหนโปรเจ็กท์นี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขายังได้ความร่วมมือกับอีก 2 ฝ่ายภายใต้เครือเดียวกันอย่าง Auto Development Center และ North America Auto Design Division มาช่วยกันทำงาน ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดี ว่านี่คือโปรเจ็กท์ที่ทาง Honda USA ลงความจริงจังกับมันไปมากเพียงไหน

โดยแม้ทาง HPD จะไม่ได้มีการเปิดเผยรายละเอียดของตัวรถ CR-V คันนี้เท่าไหร่นัก นอกจากการระบุว่ามันจะใช้ขุมกำลังแบบเสริมพลังด้วยระบบไฟฟ้า (ไฮบริด) จนมีแรงม้าสูงสุดแตะหลัก 800 HP และระบุว่าจะมีการระบุข้อมูลของตัวรถอีกครั้งภายในสิ้นเดือนนี้

แต่เมื่อดูรายละเอียดตัวรถ จากทั้งคลิป และภาพทีเซอร์ที่ถูกปล่อยออกมา ดูเหมือนว่าเจ้ารถคันนี้ จะมีแค่เพียงเปลือกนอกจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ทั้งคันเท่านั้น ที่ถูกทำให้ดูเหมือนกับ Honda CR-V ติดเกราะ (เพิ่มช่องลมสร้างแรงกด หรือครีบรีดอากาศตามส่วนต่างๆของตัวถัง แม้กระทั่งสปอยเลอร์หน้า-หลังขนาดใหญ่มหึมา)

ขณะที่โครงสร้างภายใน ล้วนเป็นโครงเหล็กที่เชื่อมขึ้นมาเพื่อให้รับกับตัวถัง หรือว่าง่ายๆก็คือมันเป็นรถ Space Frame แบบที่รถแดร็กในไทยหลายๆคันชอบทำกัน โดยที่ตำแหน่งการวางเครื่องยนต์ของมัน ก็จะอยู่ด้านหลังผู้ขับ ในแบบของรถ Mid-Ship Engine และด้วยพละกำลังกว่า 800 แรงม้า

จึงทำให้ไม่น่าแปลกใจที่ระบบเบรกของมันจะใช้ของสเป็คพร้อมลงสนามจาก Brembo และล้อที่ใช้ก็เป็นแบบ Center Lock รัดด้วยยางสลิกอย่างดี โดยที่ระบบขับเคลื่อนยังไม่มีการเปิดเผย แค่คาดว่าจะเป็นได้ทั้งแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD หรือ ขับหลังล้วนๆก็ได้

โดยกำหนดการเผยโฉมแบบเต็มคันของ Honda CR-V Hybrid Racer Project Car คันนี้ จะเกิดขึ้นในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ซึ่งมันจะมีรายละเอียดที่น่าสนใจ และจะถูกส่งไปแข่งในรายการใดบ้าง (หากลงได้) ก็รอติดตามกันต่อไป

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่