เผยหน้าตาเปิดสเปกกันเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ GWM TANK 500 เอสยูวีไซซ์ยักษ์ที่มาพร้อมพลัง Hybrid จากเดิมจะเปิดราคาช่วงกลางปีนี้

แต่ต้องถูกเลื่อนแบบไม่มีกำหนดด้วยเหตุสุดวิสัยบางอย่างและครั้งนี้พร้อมที่จะเปิดราคาจำหน่ายเสียที GWM TANK 500 หรู สง่างามแต่บึกบึนด้วยกระจังหน้าโครเมียมขนาดใหญ่แนวนอนและโลโก้ TANK ที่ลงตัวรับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรง ไฟหน้า Intelligent LED พร้อม Daytime Running Light และไฟตัดหมอก LED บันไดข้างระบบไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชัน เปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อเปิด-ปิดประตู หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิคขนาดใหญ่ เปิด – ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ราวหลังคา เสาอากาศแบบ shark fin ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว

ด้านหลังมาพร้อมประตูท้ายเปิดบานเดียวใหญ่แบบ horizontal พร้อมระบบดูดไฟฟ้าช่วยผ่อนแรง ยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้าย ไฟท้าย Vertical LED ดีไซน์แนวตั้ง มาพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ให้ความสว่างชัดเจนเพื่อความปลอดภัยและสปอยเลอร์ท้ายช่วยในเรื่องแอร์โรไดนามิค

ภายในหรูหรา กว้างขวาง สะดวกสบาย ด้วยหน้าจอกลางอัจฉริยะแบบสัมผัส ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับความบันเทิงได้ทั้ง Apple CarPlay, Android Auto, หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่พร้อมมาตรวัดดิจิทัล ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกด้านหน้า ลำโพง Infinity จำนวน 12 ลำโพง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันปรับไฟฟ้าปรับแบบ 4 ทิศทาง ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ (Paddle Shift) ไฟตกแต่งห้องโดยสาร Ambient Light สบายแบบ 7 ที่นั่ง พร้อมการตกแต่งด้วยวัสดุสี Black, Silver, Piano Black, Chrome

ขุมพลังเบนซินเทอร์โบแปรผัน (VGT) Hybrid ขนาด 2.0 ลิตร ในภาคเครื่องยนต์ได้ 244 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร จากพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าแและแบตเตอรี่ ให้กำลังรวมมากถึง 350 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 616 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ DHT รองรับระบบการขับเคลื่อนที่หลากหลายพร้อมโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 11 รูปแบบ พร้อมระบบล็อกเฟืองขับด้านหน้าและด้านหลัง (Electric Differential Lock for front and rear axles)

GWM TANK 500 Hybrid มีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น ทั้ง รุ่น ULTRA และรุ่น PRO จะเปิดราคาจำหน่าย 28 กันยายน พร้อม GWM TANK 300 คาดราคาจำหน่ายราวๆ 2.3-2.5 ล้านบาท และจะส่งมอบตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่