GWM Tank 300 HEV คือรถอเนกประสงค์อีกหนึ่งรุ่น จากทาง Great Wall Motor ที่เตรียมจะวางขายจริงในไทยพร้อมกันกับพี่ใหญ่ GWM Tank 500 HEV ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และในวันนี้เราก็ได้รับการยืนยันถึงรายละเอียดทางเทคนิคต่างๆของมันกันแล้ว

All New GWM TANK 300 HEV มาพร้อมคอนเซ็ปท์งานออกแบบ “แฟชัน นำสมัย และแข็งแกร่ง” ด้วยการผสมผสานดีไซน์แบบออฟโรดเข้ากับดีไซน์ BOXY, กระจังหน้าดีไซน์ rectangle ตัดขอบด้วยสี piano black, ไฟหน้าทรงกลม ตัดด้วยแถบไฟ DRL พร้อมระบบ ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ และฟังก์ชันหน่วงเวลาไฟส่องทางหลังดับเครื่อง

เพิ่มความเท่ด้วยกันชนดีไซน์ออฟโรดร่วมสมัย กันชนหน้าพลาสติกด้านสีดำป้องกันรอยขีดข่วน พร้อมติดตั้งไฟตัดหมอก LED, คิ้วซุ้มล้อขนาดใหญ่ สำหรับป้องกันเศษโคลนหรือหินดีด, บันไดข้าง รับดีไซน์ด้านหลังแบบออฟโรดด้วยประตูท้ายแบบ horizontal ยางอะไหล่ติดตั้งบนประตูท้าย พร้อมกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่บนฝาครอบยางอะไหล่

ขณะที่มิติตัวรถ ก็มีตัวเลขด้านกว้าง 1,930 มิลลิเมตร, ด้านยาว 4,760 มิลลิเมตร, ด้านสูง 1,903 มิลลิเมตร, ระยะฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร, ความสูงใต้ท้องรถ 224 มิลลิเมตร, ลุยน้ำได้ลึกสุด 700 มิลลิเมตร, มุมปะทะ 33 องศา, มุมจาก 34 องศา, มุมคร่อม 23.1 องศา,

การออกแบบภายในห้องโดยสารของ Tank 300 เพิ่มความหรูหรา ด้วยคอนเซปท์ Premium off-road ทั้งคอนโซลหน้าแบบเหลี่ยม พร้อมเส้นคาดชัดเจน แต่ใช้วัสดุตกแต่งผสมผสานทั้งหนังหุ้ม และพลาสติกด้าน เช่นบริเวณมือจับด้านหน้าฝั่งผู้โดยสาร และยังมีกรอบช่องแอร์แบบกลม โดยที่ตรงคอนโซลกลาง จะมีการติดตั้งนาฬิกาเข็ม พร้อมระบบปรับเวลาแบบดิจิตอลใส่มาให้ด้วย

ส่วนชุดหน้าบนคอนโซล จะเป็นการติดตั้งร่วมกันระหว่าง จอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับระบบความบันเทิง Apple CarPlay, Android Auto, MP5, Bluetooth เข้ากับชุดจอ

เบาะนั่งคู่หน้าเป็นแบบหุ้มหนัง NAPPA พร้อมระบบปรับอากาศทั้ง 2 ที่นั่ง ยังมีระบบปรับไฟฟ้าเหมือนกัน โดยเป็นแบบปรับได้ 8 ทิศทาง พร้อมระบบเบาะนวดด้านคนขับ ระบบดันหลังไฟฟ้าเบาะคนขับ มีระบบ Memories Seat 3 ตำแหน่ง ระบบ Welcome Seat และในฝั่ง เบาะผู้โดยสารด้านหน้า ก็จะเป็นแบบปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง

ขณะที่เบาะโดยสารแถว 2 เอง แม้จะไม่ม้ลูกเล่นอะไรมากมายนัก แต่ตัวพนักก็ยังสามารถปรับความเอนได้ 2 ระดับ และในยามที่ต้องเก็บสัมภาระเป็นจำนวนมาก มันก็สามารถพับราบได้ในแบบ 60:40 ช่วยให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระมากถึง 1,635 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวที่ 2

ด้านลูกเล่นอื่นๆเพิ่มเติมภายในห้องโดยสารก็มีทั้ง ชุดพวงมาลัยไฟฟ้าหุ้มหนัง พร้อมแป้นแพดเดิลชิฟท์, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติด้านหน้าแยกอิสระซ้ายและขวา, ลำโพง Infinity พร้อมซับวูฟเฟอร์ รวมทั้งหมด 8 ตำแหน่ง, การตกแต่งห้องโดยสารด้วยไฟ Ambient Light, คันเกียร์ไฟฟ้า และปุ่มปรับโหมดการขับขี่ต่างๆขนาดใหญ่ที่คอนโซลกลาง และข้างคันเกียร์, หลังคาซันรูฟเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า, พอร์ทชาร์จไฟ USB สำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและตอนหลัง, แท่นชาร์จไฟไร้สายทางด้านหน้า, และช่องจ่ายไฟสำรอง 220 โวลท์ พร้อมเต้ารับ 3 ตา ทางด้านหลัง

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ให้กำลังสูงสุด 244 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร เป็น flat torque ในช่วง 1700 – 4000 รอบต่อนาทีทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 106 แรงม้าและแรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 268 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับ ระบบเกียร์แบบ 9 สปีด และมีระบบล็อคเฟืองท้าย หน้า-กลาง-หลัง มาให้เสร็จสรรพ

ด้านโหมดการขับขี่ มีให้เลือกปรับสูงสุดถึง 7 รูปแบบ ได้แก่ โหมดปกติ, โหมดสปอร์ต, โหมดประหยัด, โหมดพื้นหิมะ, โหมดพื้นโคลน, โหมดพื้นทราย, และโหมด 4L

ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ดับเบิล ครอส อาร์ม, ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงก์, และ ดิสก์เบรก แบบมีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ, และ ใช้ชุดล้อ 17 นิ้ว ที่รัดด้วยยาง A/T ขนาด 265/65 R17

นอกจากลูกเล่นหลักในข้างต้น ตัวรถยังมีระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบออฟโรดมาให้อีกมากมาย ทั้ง

  • ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (TANK Turn) หลังจากเปิดฟังก์ชัน เมื่อระบบตรวจพบความตั้งใจในการบังคับเลี้ยวมากเกินไป ระบบจะส่งแรงเบรกไปที่ล้อหลังด้านในเพื่อลดรัศมีวงเลี้ยว เพื่อช่วยให้รถสามารถเลี้ยวในวงแคบได้
  • ระบบ 4WD อัจฉริยะเจเนอเรชั่นที่ 2 ด้วยการใช้ 4WD แบบเรียลไทม์อัจฉริยะ ระบบสามารถสลับโหมดได้ 3 โหมด ได้แก่ ขับเคลื่อนสองล้อ (2H สอดคล้องกับโหมดประหยัด) ขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ (AWD) และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อความเร็วต่ำ (4L)
  • Off-road Cruise Control เหมาะสำหรับถนนออฟโรดที่มีสภาพซับซ้อน หลังจากเปิดฟังก์ชันแล้ว ระบบจะควบคุมเครื่องยนต์และระบบเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อให้รถวิ่งด้วยความเร็วต่ำและความเร็วคงที่
  • Body Transparent ระบบแสดงภาพใต้ท้องรถ ระบบจะจดจำข้อมูลภาพจากกล้องระหว่างการขับขี่ รวบรวมกับข้อมูลภาพของพื้นดิน เพื่อการแสดงภาพถนนแบบพาโนรามาด้านล่างและด้านหน้ารถ ช่วยให้ผู้ขับขี่ทราบสภาพใต้ท้องรถและหน้ารถ ยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่

และในส่วนของระบบความปลอดภัยเอง ก็ยังคงใส่มาให้อย่างจัดเต็มเช่นกัน ทั้ง

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมการช่วยเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent ACC) มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วเต็มพิกัดที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุดและรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า เมื่อระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ทำงาน กล้องจะทำการตรวจสอบความโค้งของถนน และความเร็วจะถูกปรับอัตโนมัติหากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้วรถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA) เป็นระบบควบคุมความเร็ว ที่ช่วยควบคุมรถให้ติดตามรถด้านหน้าหรือขับต่อไปด้วยความเร็วคงที่เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่
  • ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IIP) ใช้เซนเซอร์และกล้องในการตรวจสอบเพื่อตรวจจับวัตถุและเส้นบริเวณ ช่องจอดหรือจุดจอดรถ และช่วยทำงานเต็มรูปแบบเพื่อเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวจอดเทียบข้าง และแนวเฉียง โดยเมื่อระบุช่องว่างที่จะนำรถเข้าจอดแล้ว รถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง
  • ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ (ARA) ในขณะที่ขับรถต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบจะบันทึกเส้นทางและสามารถถอยหลังกลับได้ในระยะ 50 เมตรโดยอัตโนมัติ ในเส้นทางที่ถูกบันทึกไว้
  • กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบไปด้วยกล้องที่มองได้รอบ 4 ตัว มีความละเอียดคมชัดระดับ Megapixel โดยระบบจะรวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้องมาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศา เพื่อแสดงให้เห็นมุมมองของรถจากมุมบน ระบบทำงานอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่โหมดการถอยหลัง โดยสามารถดูได้เมื่อขับรถที่ความเร็วต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI) ช่วยตรวจจับรถยนต์ทั้งทางตรงและทางแยก เมื่อเสี่ยงต่อการชน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียงและการเบรกอัตโนมัติช่วยหลีกเลี่ยงการชนหรือลดแรงกระแทก
  • ระบบช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) เซนเซอร์ช่วยตรวจสอบจุดอับสายตาด้านหลังของตัวรถทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของช่องทางเดินรถในขณะถอยหลัง เมื่อกำลังถอยหลังออกจากช่องจอดเซนเซอร์หลังของรถจะทำการเช็กด้านซ้ายและขวาของช่องจราจรและ ส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง หากผู้ขับขี่ยังเพิกเฉย ไม่หยุดรถ ระบบเบรกอัตโนมัติในกรณีฉุกเฉินจะเริ่มทำงานเพื่อหลีกเลี่ยงการชน
  • ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) โดยระบบจะตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่หรือรถที่มีขนาดยาว​ ในระหว่างการแซง ระบบจะรักษาช่องว่างระหว่างรถตามระยะที่เหมาะสม​เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และกลับสู่เลนเดิมอัตโนมัติ
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยแจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน
  • ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ระบบตรวจจับเส้นถนนและช่วยประคองรถให้อยู่กึ่งกลางเลน
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) โดยหากมีการตรวจสอบพบรถอีกคันกำลังแล่นมา หรือมีรถแซงขึ้นมาจากอีกเลนหนึ่ง ระบบจะทำการแทรกแซงการทำงานมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดการชน
  • ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการเกิดการชนซ้ำครั้งที่ 2 (SCM) โดยรถจะพยายามรักษาเสถียรภาพเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
  • ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) ใช้เบรกเพื่อช่วยควบคุมความเร็วของรถขณะขับบนทางลาดชันเพื่อให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการบังคับพวงมาลัย
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA) เมื่อออกจากจุดที่หยุดนิ่งบนเนินสูงชัน เบรกจะยังคงค้างอยู่ราว 2 วินาที จนกระทั่งคันเร่งทำงานเพื่อป้องกันการถอยหลัง
  • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) หลังจากจอดรถยนต์แล้ว ระบบจะแจ้งเตือนหากระบบตรวจพบเป้าหมายที่เสี่ยงต่อการชนหากเปิดประตูรถยนต์
  • ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) โดยรถจะทำการวัดแรงดันลมยางอย่างต่อเนื่องและเตือนผู้ขับขี่หากมีแรงดันลมยางล้อใดลดลง
  • ถุงลมนิรภัย 5 จุด ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า, ม่านด้านข้างซ้าย-ขวา, ข้างเบาะหน้าฝั่งคนขับ

โดย All New GWM TANK 300 HEV มีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น ULTRA และรุ่น PRO และจะมีเฉดสีให้เลือก ได้แก่ สีส้ม ใหม่, ดำ เทา และขาว ขณะที่ราคาสำหรับการวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ รอติดตามกันได้ ในวันที่ 28 กันยายน นี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่