หลังโชว์ตัวในไทยมาครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุด All New GWM TANK 500 Hybrid SUV ก็ได้เผยร่างที่พร้อมสำหรับการวางขายในบ้านเราจริงๆจังๆสักที !

All New GWM TANK 500 Hybrid SUV ถือเป็นรถอเนกประสงค์รุ่นใหญ่สุดเท่าที่ GWM มีวางจำหน่ายในตอนนี้ โดยในปี 2022 ที่ผ่านมา มันสามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 200,000 คัน ในประเทศบ้านเกิด อย่างประเทศจีน และสำหรับการวางจำหน่ายในประเทศไทย ทางผู้บริหารได้ให้นิยามประจำตัวรถเอาไว้ว่า “Nothing is Unreachable” หรือ “ไม่มีอะไรที่ไปถึงไม่ได้”

ตัวรถมาพร้อมกับงานออกแบบที่เน้นผสมผสานระหว่างความหรูหรา และความแข็งแกร่ง ด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ผสานช่องระบายอากาศแนวนอนและโลโก้ TANK ที่ลงตัวรับเส้นสายที่นูนขึ้นของฝากระโปรง ซึ่งทั้งหมดจะเป็นชิ้นงานโครเมียม สลับเงินอลูมิเนียม ขนาบข้างด้วยกรอบโคมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ Smart-LED ขนาดใหญ่

ขณะที่เส้นสายตัวถัง ตั้งแต่แนวฝากระโปรง หลังคา บานประตู ไปจนถึงด้านท้ายรถ ล้วนเต็มไปด้วยความเหลี่ยมสัน และบึกบึน แถมยังโดดเด่นด้วยชุดล้อขอบ 20 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 265/50 R20 และที่กลางลำตัวรถ ยังมีการติดตั้งบันไดพับไฟฟ้า ที่จะเปิดออกมาเมื่อมีการเปิดประตู และจะพับกลับ เมื่อมีการปิดประตู

ส่วนด้านท้าย แปลกตาด้วยประตูบานใหญ่ที่เป็นแบบเปิดบานออกด้านข้าง พร้อมติดตั้งล้ออะไหล่ และใช้ฝาครอบที่มีกล้องมองหลังฝังอยู่ในตัว

งานออกแบบภายในห้องโดยสาร เน้นความหรูหราอย่างเต็มเปี่ยม ด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังแนปป้า พร้อมระบบนวด และการปักลวดลายอย่างดี พร้อมกันนี้ยังมีการเจาะรู เพื่อระบายอากาศ และเป็นรูสำหรับพัดลมไฟฟ้าที่ซ้อนไว้ด้านในเพื่อคลายร้อน ซึ่งสีของเบาะนั่ง และการตกแต่งภายใน สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นสีน้ำเงินครีม หรือดำทั้งหมด ตามความต้องการของลูกค้า

ชุดคอนโซลกลางเน้นคุมโทนเนี๊ยบ ด้วยขอบชิ้นงานผิวอลูมิเนียม และแผงลายไม้ เสริมด้วยจอมาตรวัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว สีสันคมชัด และจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 14.6 นิ้วตรงกลาง แล้วยังมีระบบแอร์รอบทิศทาง สำหรับผู้โดยสารทั้ง 3 แถว โดยที่ระบบแอร์สำหรับผู้นั่งในแถวสองยังเป็นแบบแยกฝั่ง ตามด้วยหลังคาแก้วขนาดใหญ่ เพื่อความโปร่งโล่งสบายในการนั่งโดยสารเข้ามาให้อีก

และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ก็คือ ในส่วนระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ที่จัดมาให้อย่างครบครัน ทั้งระบบ Electronic stability program, Brake assist system (BAS), Traction control system (TCS), Roll movement intervention (RMI), Hill-start assist control (HAC), Hill descent control (HDC), Auto hold, Secondary collision mitigation (SCM), Overspeed alarm, Front parking sensor, Reverse sensor, Front-view driving recorder, 360° full-view driving recorder, Interior driving recorder, Front collision warning (FCW), Rear collision warning (RCW), Adaptive cruise control (ACC), Automatic emergency braking (AEB) (identification of pedestrians), Blind spot detection (BSD)+Lane change assist (LCA), Door open warning (DOW) และอื่นๆอีกมากมาย

สำหรับขุมกำลังของ All New GWM TANK 500 Hybrid SUV ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ได้รับการยืนยันแล้วว่าจะเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมสูงสุด 350 แรงม้า แรงบิดรวมสูงสุด 616 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์แบบ DHT แบบอัตโนมัติ 7 สปีด และทำงานร่วมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สามารถปรับได้ว่าจะให้เป็นแบบ Full-Time หรือ Partime

หากแค่นั้นยังไม่พอ ตัวรถยังมีโหมดการขับขี่ให้เลือกปรับอีกถึง 11 รูปแบบ และยังมีโหมดย่อยสำหรับการใช้งานแบบออฟโรดอีกหลากหลาย เช่นระบบกล้องมองมุมอับใต้กันชนหน้า หรือระบบ Tank Turn ที่ช่วยให้ผู้ขับสามารถเลี้ยวรถในมุมแคบได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

ด้านระบบช่วงล่างเป็นแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ และระบบเบรกเองก็เป็นแบบดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อเช่นกัน

โดย All New GWM TANK 500 Hybrid SUV ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย จะมีด้วยกันทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น ULTRA และรุ่น PRO พร้อมตัวเลือกเฉดสีภายในและภายนอกดังนี้

  • สีรถภายนอก :  มีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ ขาว ดำ เทา แดง และสีใหม่ เทาคริสตัล (เฉพาะรุ่น ULTRA)
  • สีรถภายใน : สีดำ และทูโทนสีน้ำเงิน-เบจ (เฉพาะรุ่น ULTRA)

ด้านราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะมีการประกาศตัวเลขอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ที่งาน Motor Show 2023

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่