หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในหลายๆประเทศเติบโตเป็นอย่างดี คืออการที่เหล่าภาครัฐพากันสนับสนุนและให้เงินอุดหนุนเป็นส่วนลดก่อนรถยนต์ไฟฟ้าเหล่านั้นจะขายไปถึงมือลูกค้า แล้วถ้าส่วนลดดังกล่าวไม่มีอีกต่อไปขึ้นมา มันจะส่งผลถึงยอดขายอย่างไรบ้างล่ะ ?

เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีกรณีศึกษาให้เห็นกันแล้ว จากประเทศเยอรมัน ที่ล่าสุดทางภาครัฐได้มีการยกเลิกมาตรการอุดหนุนราคารถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า หลังหมดอายุการบังคับใช้มาตรการเมื่อสิ้นปี 2023 ซึ่งเป็นผลให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีอัตราการหดตัวจากยอดขายของเดือนธันวาคม มากถึง -54.9% จากยอดขาย 54,654 คัน เหลือ 22,474 ตัน หรือว่าง่ายๆคือยอดขายหายไปเกินครึ่งหนึ่งจากเดือนก่อนเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ในส่วนของรถยนต์ PHEV เอง ก็ยังมียอดขายในเดือนมกราคม ปี 2024 ที่ลดลงจากเดือนธันวาคม ปี 2023 กว่า -19.6% จากตัวเลข 17,894 คัน เหลือ 14,394 คัน และในฝั่งรถยนต์ไฮบริด ก็มียอดขายลดลงจากช่วงเวลาเดียวกัน -6.4% จากตัวเลข 55,687 คัน เหลือ 52,102 คัน

จากตัวเลขข้างต้น เป็นผลทำให้ยอดขายรวมของตลาดรถยนต์ในประเทศเยอรมัน ประจำเดือนมกราคม ปี 2024 มียอดลดลง -11.7% จากเดือนธันวาคม ปี 2023 หรือก็คือ ลดจาก 241,883 คัน เหลือ 213,553 คัน

ถึงกระนั้น หากเราเจาะลงไปที่ตัวเลขยอดขายรถยนต์ขุมกำลังชนิดอื่นจากที่ระบุไว้ข้างต้น นั่นคือ รถยนต์ขุมกำลังเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วน ซึ่งยังคงเป็นตลาดรถยนต์ที่กินส่วนแบ่งมากที่สุดในเยอรมัน กลับมียอดขายที่เติบโตมากขึ้นไปในทางบวก

โดยหากเป็นรถยนต์ขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซิน จะสามารถสร้างยอดขายในเดือนมกราคมปี 2024 มากขึ้นจากเดือนธันวาคม ปี 2023 อยู่ +9.1% จากตัวเลข 74,894 คัน ขึ้นเป็น 81,724 คัน ส่วนรถยนต์ขุมกำลังเครื่องยนต์ดีเซล ก็สามารถทำยอดขายในช่วงเวลาเดียวกัน ได้มากขึ้นอีก +9.5% จากตัวเลข 37,403 คัน เป็น 40,936 คัน

และยังมีรถยนต์ที่ใช้พลังงาน LPG ที่สามารถทำยอดขายได้มากขึ้นกว่า +43.9% จากช่วงเวลาเดียวกันอีก ด้วยตัวเลข 1,320 คัน เพิ่มเป็น 1,899 คัน ส่วนเครื่องยนต์ NPG มียอดขายร่วง -39.1% แต่จากตัวเลขรถยนต์เพียง 23 คัน เหลือ 14 คัน เท่านั้น ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนที่น้อยมากๆจากตัวเลขยอดขายรวม

โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าลดลง จากผู้เชี่ยวชาญในประเทศเยอรมัน ระบุว่าส่วนหนึ่งแล้วก็เป็นเพราะการที่ทางภาครัฐของเยอรมันไม่ได้มีการอัดงบสนับสนุนเพื่ออุดหนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าให้กับประชาชนอีกต่อไป

จึงทำให้ตอนนี้ราคาของรถยนต์เหล่านั้น ได้กลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็น ซึ่งหลายคันก็มีราคาที่แพงกว่ารถยนต์ขุมกำลังเครื่องยนต์สันดาปภายในที่อยู่ในขนาดตัวถังไล่เลี่ยกัน หรือคลาสไล่เลี่ยกัน และส่งผลให้ประชาชนที่สนใจต้องใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อรถยนต์กลุ่มพลังงานไฟฟ้ามากขึ้น

ขณะเดียวกัน อีกปัญหาที่ทำให้ยอดขายรถยนต์ในภาพรวมทั้งตลาดลดลง ก็มีปัจจัยจาก ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ซึ่งข้อนี้จะค่อนข้างคล้ายกันกับในประเทศไทย คือ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ จนก่อให้เกิดสภาวะหนี้เสียกับประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ ทางธนาคารจึงมีการปล่อยสินเชื่อเงินกู้สำหรับการผ่อนรถยนต์ยากมากขึ้น จึงทำให้รถยนต์สามารถขายได้น้อยลงกว่าที่เคย และคาดว่าจะหนักข้อมากขึ้นอีกเรื่อยๆในปี 2024 นี้

อย่างไรก็ดี ด้วยความหวังว่าเศรษฐกิจของโลก และประเทศเยอรมัน อาจกระเตื้องขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ทางหน่วยงานสมาคมยานยนต์แห่งประเทศเยอรมัน จึงคาดการว่าในปี 2024 นี้ ยอดขายรถยนต์ทั่วโลก อาจเติบโตมากขึ้นราว 2% จนอยู่ใกล้เคียงกับระดับตัวเลขยอดขายก่อนที่เชื้อไวรัส Covid-19 จะระบาด (พิษเศรษฐกิจจากการระบาดของเชื้อไวรัส ยังคงสร้างปัญหาในโลกอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจมาจนถึงปัจจุบัน)

ส่วนตัวเลขยอดขายรถยนต์ในภาพรวมของประเทศเยอรมันเอง ก็คาดว่าจะเติบโตขึ้นราว 1% ทว่าในฝั่งยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากลับถูกมองว่าจะลดลงจากปี 2023 ไปถึง 9% แม้ว่ายอดการผลิตจะเพิ่มขึ้นราวๆ 19% ในภาพรวมก็ตาม

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่