อาจจะจริงอยู่ว่าเมื่อราว 10 กว่าปีที่แล้ว Elon Musk จะเคยดูถูกผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ว่ายังห่างชั้นในการทำผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้แข่งกับตน ทว่าในการเผยข้อมูลล่าสุดเมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้าตัวก็ได้ยอมรับ และกลับลำแนวคิดก่อนหน้านี้แล้วเป็นที่เรียบร้อย

จากการให้สัมภาษณ์กับสื่อฯสายธุรกิจเจ้าดัง Reuters นาย Elon Musk ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัทและเจ้าของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Tesla เจ้าตัวได้ให้การยอมรับว่าตอนนี้หลายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนมาแรงกว่าที่เจ้าตัวเคยคิดไว้เป็นอย่างมาก และยังมีศักยภาพมากพอที่จะโจมตีคู่แข่งสัญชาติอื่นได้สบายๆในอนาคตอันใกล้ ไม่เว้นแม้กระทั่งรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ตนเอง

“เหล่าบริษัทรถยนต์(ไฟฟ้า)จากจีนคือเหล่าบริษัทคู่แข่งที่มีศักยภาพมากที่สุดในโลก” Musk กล่าว “ดังนั้น ผมคิดว่าพวกเขาจะต้องประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดนอกประเทศจีนแน่ๆ ขึ้นอยู่กับว่าเงื่อนไขด้านศุลกากร หรือกำแพงภาษีจะถูกปรับแก้ยังไง”

“เอาจริงๆเลยนะ, ผมคิดว่า, ถ้ามันไม่มีเงื่อนไขเรื่องกำแพงภาษีกั้นเอาไว้, พวกเค้าคงเอาชนะคู่แข่งเกือบทั้งหมดทั่วโลกไปได้แล้ว”

แน่นอน สาเหตุสำคัญที่ทำให้ Elon Musk ออกมาให้การยอมรับถึงความเสี่ยงที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ ระหว่างเหล่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ต่อผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชาติตะวันตกซึ่งรวมถึงแบรนด์ Tesla ของตนเอง

หลักๆแล้วก็สังเกตได้จากการที่ตอนนี้มีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนหลายแบรนด์ที่สามารถสร้างยอดขายที่เติบโตกันอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคู่แข่งสำคัญที่ตัว Musk เองเคยหัวเราะเยาะเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว แต่ตอนนี้กลับสามารถสร้างยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ารวมในปี 2023 ได้จี้ติดแบรนด์ Tesla เข้ามาเรื่อยๆ และยิ่งเจาะจงไปที่ยอดขายช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีดังกล่าว ก็จะพบว่าอันที่จริงทาง BYD ขายรถยนต์ไฟฟ้าของตนเองแซงหน้าแบรนด์ Tesla ไปแล้วเสียด้วยซ้ำ

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ แม้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ BYD ที่เติบโตอย่างรวดเร็วนั้น จะเป็นยอดขายที่เกิดขึ้นจากการขายในประเทศจีนเสียส่วนใหญ่ แต่การที่ทาง Tesla จะสู้กับ BYD ในแดนมังกร รวมถึงในหลายๆประเทศได้ ทางผู้ผลิตสัญชาติอเมริกันก็ต้องปรับลดราคารถยนต์ของตนเองสู้อยู่หลายครั้ง จนลูกค้าหลังหักกันเป็นแถวๆ (ไม่เว้นแม้กระทั่งคนไทยเราเองก็ยังโดนไปด้วย)

และยังไม่นับตากความเป็นจริงที่ว่า ตอนนี้หลายๆประเทศที่ทาง BYD กำลังส่งรถยนต์ของตนเองไปรุกตลาดอยู่ โดยเฉพาะในทวีปยุโรปนั้น ยังเป็นการขายโดยที่ภาครัฐของนานาประเทศในยุโรปยังไม่ได้มีนโยบายลดหย่อน หรือสนับสนุนการขายรถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนในประเทศของตนเอง

ทว่าจากการค้นข้อมูลในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เราก็จะพบว่าแท้จริงแล้วทางภาครัฐของหลายๆประเทศในยุโรป ก็ได้มีการหารือเรื่องนโยบายลดหย่อนภาษีนำเข้า หรืออุดหนุนราคารถยนต์ไฟฟ้าที่มาจากประเทศจีนบ้างแล้ว ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่นโยบายดังกล่าวถูกอนุมัติขึ้นมา ก็จะยิ่งทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน สามารถบุกตลาดยุโรปได้ง่ายขึ้นไปอีก

และอันที่จริง กรณีการลดหย่อนภาษีให้กับรถยนต์ไฟฟ้าที่นำเข้ามาจากประเทศจีน ก็ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อนราว 2-3 ปีแล้วเสียด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตอนนี้บ้านเรามีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนพากันตบเท้าเข้ามาบุกตลาดรถยนต์ในประเทศไทยหลายราย

เมื่อราคารถยนต์ที่ถูกอยู่แล้ว เพราะต้นทุนการผลิตต่ำ (ต้นทุนต่ำจากปริมาณการผลิตจำนวนมาก) และในขณะเดียวกันยังให้ลูกเล่นหรืออพชันต่างๆมาแบบล้นคัน จึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนยิ่งสามารถเป็นตัวเลือกให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าหน้าใหม่ได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ

ต่างจาก Tesla ที่แม้จะมีชื่อชั้นของแบรนด์ กับความน่าเชื่อถือของตัวรถมากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน แต่ก็ใช่ว่ารถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนจากหลายแบรนด์จะด้อยกว่ารถยนต์จากแบรนด์ Tesla ขนาดนั้น และด้วยความที่รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน มีตัวเลือก มีรุ่นให้ลูกค้าได้จับต้องง่ายกว่า ก็ยิ่งทำให้ Tesla ยิ่งสู้ยากขึ้นไปอีก

โดยแม้ตอนนี้ Tesla จะมีแผนการทำรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ราคาย่อมเยาออกมา แต่ก็ยังไม่สามารถการันตีได้อยู่ดี ว่ามันจะสามารถต้านทานความร้อนแรงของเหล่ารถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ที่ขนกันมาเป็นกองทัพได้มากน้อยแค่ไหน ?

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่