ในที่สุดก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างเสียทีสำหรับทิศทางอนาคตรถยนต์ในประเทศไทย ที่กำลังจะก้าวสู่ยุคตลาดรถยนต์นั่งพลังไฟฟ้าในอีกไม่นานเกินรอ การออกมาประกาศส่งเสริมการลงทุนของ  BOI   อาจจะถูกตีตราว่าเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ อย่างน้อยที่สุด ก็ทำให้บริษัทต่างชาติสนใจเข้ามาทำตลาดในไทย ด้วยกการตั้งฐานการผลิตส่งออก และขายในบ้านเรา

ปัญหาที่รัฐบาลอาจจะลืมในการเปิดแผนการลงทุนรถยนต์พลังไฟฟ้า เมื่อเทียบกับโปรดักส์แชมป์เปี้ยนทางด้านรถยนต์อย่างที่เราทำกันมาตลอดหลายสิบปี นับตั้งแต่การเปิดตัวรถกระบะขนาด 1 ตัน เป็นรถยนต์ที่ซื้อหาได้ง่ายราคาไม่แพง ตามมาด้วยในปี 2010 เมื่อ รถยนต์อีโค่คาร์รุ่นแรกเริ่มเปิดตัววางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทั้งสองสินค้ามีความเหมือนกันอยู่ประการ คือมันเป็นการพัฒนาต่อยอดจากของเดิมที่มีอยุ่แล้วในตลาดให้คนไทยได้ซื้อหาได้ราคาถูกขึ้น

แต่การทำตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้า หรือ  Electric Vehicle   ที่ทางรัฐบาลได้เริ่มขึ้นไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา กลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง รถยนต์ไฟฟ้าคือรูปแบบใหม่ในการเดินทาง และมันมีหลายส่วนที่ต้องจัดการ ไม่ใช่เพียงทำให้รถขายได้แล้วจะจบกัน

ในแง่หนึ่งของการสร้างตลาดรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากมีผลิตภัณฑ์วางจำหน่าย มีโครงสร้างพื้นฐานอย่างเช่นอุปกรณ์ชาร์จไฟ ตามที่สาธารณะสนับสนุนการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว ตลอดหลายปีที่รถยนต์พลังไฟฟ้าเติบโตในหลายประเทศทั่วโลก รัฐบาลล้วนเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญ ที่จะทำให้ตลาดรถยนต์รักษ์โลกนี้เติบโต ด้วยการให้เงินสนับสนุน สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อ หรือมีความประสงค์จะซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาใช้

แนวทางดังหล่าว ถูกใช้ในหลายประเทศที่เริ่มต้นขายรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะในอเมริกา ,ญี่ปุ่น ไปจนถึงในหลายประเทศในยุโรป จ่างมีทิศทางเดียวกันในการสนับสนุนส่งเสริมให้คนใช้รถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการชักชวนให้คนนใจ ด้วยเงินสนับสนุนในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า คล้ายโครงการรถยนต์คันแรกในประเทศไทย สมัยรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้

โดยในอเมริกามีการวางเงินสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า ตั้งแต่ 7,500 ดอลล่าร์ ไปจนถึง 25,000 ดอลล่าร์ ทำให้รถมีความน่าสนใจ และคนตัดสินใจที่จะผละจากรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในมาสู่เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม และถ้าไม่มีข้อเสนอดังกล่าว ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า แม้แต่ในอเมริกาก็อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้

เมื่อไม่นานมานี้ในอเมริกา มีกระแสข่าวว่าทาง รัฐบาลของท่านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะลดหรือตัดนโยบายสนับสนุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่มาทำมาตั้งแต่สมัยโอบาม่า เนื่องจากบรรดาที่ปรึกษาของทรัมป์เห็นว่า เป็นการนำงบประมาณไปจมโดยใช่เหตุ และมีแนวโน้มที่จะไม่ต่อโปรแกรมช่วยเหลือทางภาษีในปีหน้าอีกต่อไป

นั่นทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกา อาจจะถูกจับตาทั่วโลก เนื่องจากอเมริกาเป็นหนึ่งในตลาดที่รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมติดอันดับจากเงินสนับสนุนของภาครัฐบาล และการไม่มีเงินสนับสนุนอีกต่อไป จะทำให้ราคารถฟ้าพุ่งสูงขึ้นและจะไม่มีคนซื้อในอนาคต ซึ่งอาจจะส่งผลให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าถึงจุดจบอีกครั้ง ดั่งในช่วงยุคปี 80 ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วก่อนหน้านี้

รายงานจาก Edmund.com  ชี้ชัดว่า ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในอเมริกา อยู่ได้ด้วยข้อเสนอจากภาครัฐบาล ที่ทำให้อเมริกันชนสนใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าจะไปซื้อรถหรูราคาแพงชั้นนำ และตามรายงานเดียวกันสนับสนุน เรื่องที่น่าตกใจว่า ถ้ารัฐบาลไม่สนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเงินอุดหนุนช่วยเหลือ อาจจะถึงจุดจบตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต และจะกระทบบริษัทรถยนต์รายใหญ่  General Motor   ที่มีแผนส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าที่เปิดตัวออกมาแล้ว ในปลายปีนี้ และจะเริ่มเดินเครื่องจริงจังในปีหน้า 

แต่กระนั้นที่ตามรายงานระบุว่า ที่คนมองรถยนต์หรูมากขึ้น พวกเขาก็มองในกลุ่มรถยนต์ไฮบริดเสียบปลั้ก ซึ่งปัจจุบันมีแบตเตอร์รี่ที่ก้าวหน้าขึ้น มีระยะทางต่อการชาร์จเพิ่มขึ้น และอยู่ในระยะที่คนส่วนใหญ่ใช้งานได้ แถมราคาตัวรถก็มีแนวโน้มลดต่ำลงเรื่อยๆ จากความนิยมทั่วโลก ทำให้ทิศทางรถยนต์ไฮบริดเสียบปลั้กมีความน่าสนใจมากกว่า สำหรับลูกค้า และมีแนวโน้มจะได้รับความนิยมมากกว่ารถยนต์ฟ้าในอนาคตด้วย

แม้ว่ารถยนต์ฟ้าจะมีความน่าสนใจ และรัฐบาลไทยเปิดตัวโครงการส่งเสริมการลงทุน ให้ผู้ที่สนใจเข้ายื่นแพคเกจการลงทุนให้พิจารณาแล้ว ทว่าตลาดรถยนต์ฟ้าจะยังไม่เป็นรูปเป็นร่างในเร็ววัน  ด้วยราคาจำหน่าย ที่อาจจะยังไกลเกินเอื้อมถูกมองว่าเป็นของเล่นผู้มีอันจะกิน จนต้องยอมรับว่าถ้ารัฐบาลอยากจะให้เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยื่น การสนับสนุนจากภาครัฐต่อภาคประชาชนจะกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ และจะมองข้ามไม่ได้

ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ ขอบคุณทุกกำลังใจสำหรับพวกเรา   ridebuster.com 

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่