หลังจากที่เมื่อปี 2021 ทาง Ducati ได้มีการทำรถ Diavel 1260 เวอร์ชันพิเศษตกแต่งในธีมรถซุปเปอร์คาร์ Lamborghini และในปี 2022 นี้ ก็ถึงเวลาของไฮเปอร์เนคเก็ทไบค์อย่าง Streetfighter V4 ที่ต้องได้รับการตกแต่งพิเศษในลักษณะเดียวกันบ้าง

Ducati Streetfighter V4 Lamborghini ที่ทุกท่านกำลังเห็นกันอยู่ในขณะนี้ ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Ducati Streetfighter V4 S รุ่นปี 2023 ที่ได้รับการปรับปรุงในเรื่องของระบบแทร็คชันคอนโทรล, เอนจิ้นเบรกคอนโทรล, และควิกชิฟท์เตอร์ใหม่ ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อเทียบกับตัวรถรุ่นปี 2022

ส่วนงานตกแต่งพิเศษ ก็จะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของซุปเปอร์คาร์พร้อมลงสนามอย่าง Lamborghini Huracan STO ด้วยชุดบอดี้พาร์ทรอบคันที่ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา งานดีไซน์เดียวกันกับรถต้นแบบ ตั้งแต่แต่ บังโคลนหน้า, ครีบดักลมใต้ไฟหน้า, อกล่าง, ครอบถัง, ตูดมดด้านท้าย, และการ์ดสเตอร์หลัง

ตามด้วยชิ้นงานอลูมิเนียม CNC น้ำหนักเบาอีกหลายรายการ เช่น ฝาปิดถังน้ำมัน, มือเบรกมือคลัทช์, พักเท้าแต่ง ที่สามารถปรับตำแหน่งให้เข้ากับสรีระผู้ขี่ได้ แถมยังมาพร้อมกับการ์ดส้นเท้าคาร์บอนน้ำหนักเบา

เสริมอีกนิดด้วยชุดคลัทช์แห้งพร้อมฝาครอบคาร์บอน เพื่อความดุดันตั้งแต่ออกโรงงาน, และปิดท้ายด้วยชุดล้ออลูมิเนียมฟอร์จน้ำหนักเบา ซึ่งถูกทำลวดลายให้คล้ายกับชุดล้อของ Huracan STO และรัดด้วยยาง Pirelli Diavlo Rosso IV Corsa ขนาด 120/70-17 กับ 200/60-17 ตามลำดับหน้า-หลัง

ด้านรายละเอียดทางเทคนิคอื่นๆของตัวรถ แม้มันจะมาพร้อมกับท่อไอเสียไทเทเนียมยกเซ็ทจาก Akrapovic แต่กำลังสูงสุดที่เครื่องยนต์สามารถทำได้ กลับยังคงเท่าเดิม คือ 208 แรงม้า PS ที่ 13,000 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร ที่ 9,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 6 สปีด พร้อมระบบควิกชิฟท์เตอร์ และมีระบบสลิปเปอร์คลัทช์ ทำงานร่วมกับระบบคลัทช์แห้งอย่างที่เราได้ระบุไว้ในข้างต้น

ระบบกันสะเทือนยังคงเป็นของ Ohlins ทางด้านหน้าแบบโช้กตะเกียบคู่หัวกลับ รุ่น NIX30 ขนาดแกน 43 มิลลิเมตร เคลือบผิวลดแรงเสียดทาน TiN สีทอง ปลอกสีดำ – ทางด้านหลัง โช้กต้นเดี่ยวพร้อมกระปุกซับแทงค์แก๊สแยก รุ่น TTX36 ซึ่งตัวโช้กทั้งด้านหน้าและด้านหลังจะสามารถปรับเซ็ทได้ทุกค่า แต่ในฝั่งการปรับค่าความหนืดทั้งการยืดตัวและยุบตัว จะมีระบบปรับการทำงานกึ่งอัตโนมัติ Ohlins Smart EC 2.0 ทำงานร่วมด้วย

ระบบเบรก ทางด้านหน้า ก็จัดเต็มด้วยชุดจานเบรกคู่ขนาด 330 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับปั๊มเบรกเรเดียลเมาท์โมโนบล็อค 4 พอร์ท Brembo Stylema (M4.30) ที่ถูกทำสีภายนอกเป็นสีแดงเฉพาะรุ่น ส่วนทางด้านหลัง เป็นแบบแอกเซียลเมาท์คาลิปเปอร์ 2 พอร์ท ทำงานร่วมกกับจานเบรกเดี่ยวขนาด 245 มิลลิเมตร และมีระบบ Cornering ABS EVO ติดตั้งมาให้เพื่อความปลอดภัย

ด้านมิติตัวตัวรถอื่นๆ ก็ยังคงไม่ต่างจาก Streefighter V4 S ร่างต้นของมัน ทั้ง เบาะนั่งสูง 845 มิลลิเมตร, ระยะฐานล้อ 1,488 มิลลิเมตร, องศาแผงคอ 24.5 องศา, ระยะเทรล 100 มิลลิเมตร, ความจุถังน้ำมัน 17 ลิตร, น้ำหนักรถเมื่อยังไม่รวมของเหลวก็ยังคงเท่าเดิม คือ 178 กิโลกรัม และน้ำหนักตัวเมื่อรวมของเหลวพร้อมขี่ ที่ 197.5 กิโลกรัม

ส่วนลูกเล่นและระบบความปลอดภัยภายในรถก็มีอีกมากมาย เช่น Riding Modes, Power Modes, Cornering ABS EVO, Ducati Traction Control (DTC) EVO 2, Ducati Wheelie Control (DWC) EVO, Ducati Slide Control (DSC), Engine Brake Control (EBC) EVO, Auto tyre calibration, และ Ducati Power Launch (DPL) เป็นต้น

และเนื่องจากตัวรถรุ่นนี้ เป็นตัวรถรุ่นพิเศษมีจำนวนจำกัดเพียง 630 คัน จึงทำให้แน่นอนว่ามันต้องมาพร้อมกับเพลทอลูมิเนียมพร้อมหมายเลขลำดับการผลิตแปะเอาไว้ที่ตัวครอบถังน้ำมันมาให้ เช่นเดียวกับดอกกุญแจที่จะมีหมายเลขลำดับการผลิตชุดเกียวกันสลักเอาไว้

แต่ที่พิเศษกว่าก็คือ ในคราวนี้ ทาง Ducati ยังมีรถอีก 63 คัน ผลิตแยกออกมาในชื่อ “Speciale Clienti” เพื่อเป็นออพชันเสริมเฉพาะผู้ที่จับจอง Huracan STO อีกที และตัวรถเหล่านี้ ลูกค้าจะสามารถเลือกคัสตอมทั้งเฉดสี และลายล้อ ให้เข้ากันกับออพชันที่ตนเองเลือกเอาไว้กับซุปเปอร์คาร์ของตนเองได้ด้วย เรียกได้ว่าพิเศษขึ้นไปอีกขั้น เมื่อเทียบกับตัวรถ 630 คันกลุ่มแรก

ทั้งนี้ เรายังไม่ได้รับข้อมูลยืนยันอย่างเป็นทางการว่าทาง Ducati Thailand จะมีการนำตัวรถรุ่นนี้เข้ามาวางจำหน่ายในบ้านเราด้วยหรือไม่ แต่ถ้าดูจากโควต้าจำนวนการผลิตแล้ว เชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่อย่างน้อยๆ อาจจะมีสักราวๆ 10 คัน ที่ชาวไทยจะได้จับจองกันภายในช่วงไม่เกินสิ้นปีนี้

ข้อมูลจาก Ducati

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่