พึ่งขายเมืองจีนไปไม่นานก็มีเสียงวิจารณ์หน้ามีหนวดเข้มเกินไปหรือเปล่าสำหรับ DENZA N7 เอสยูวีทรงสปอร์ตพลังอีวีจากค่าย BYD

และทาง DENZA พร้อมแล้วที่จะเปิดตัวรุ่นปรับโฉมเล็กน้อยสำหรับ DENZA N7 ปรับหน้าใหม่ไร้หนวดไร้เคลาหล่อเกลี้ยงเกลาด้านหน้าดีไซน์กันชนหน้าใหม่ออกแบบมุมซ้าย-ขวาเป็นรูปแนวนอนฝังไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED เน้นความทึบมากขึ้นพร้อมช่องระบายอากาศออกแบบให้ใหญ่ขึ้น เสริมคิ้วใต้กันชนหน้าสีเงินใหม่

พร้อมออปชันเดิมติดตราทั้งไฟหน้า LED สามดวงเติมความโหดขึ้นอีกขั้นและเซนเซอร์ LiDAR ที่กันชนหน้า ด้านข้างสปอร์ตล้ำกับกระจกสีดำเข้มโอเปร่าล้อมกรอบโครเมียม ที่เปิดประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวรถ คิ้วขอบล้อสีดำสเกิร์ตข้าง ด้านท้ายมีความพรีเมียมขึ้นมาอีกระดับกับไฟท้าย LED แนวยาวสีรมดำ รับกับกันชนท้ายชิ้นใหญ่เสริมลิ้นกันชนหลังสีเงินให้ตัวรถดูดีขึ้น และล้ออัลลอยเลือกได้ทั้งขนาด 19 และ 20 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารสง่าและลักชัวรีกับแผงคอนโซลหน้าดีไซน์ตัวเอ็กซ์ติดตั้งระบบจอด้วยกันถึง 4 จอประกอบด้วยชุดมาตรวัดดิจิทัลแบบ LCD 12.3 นิ้ว จอสัมผัสเชื่อมต่อระบบความบันเทิงขนาดใหญ่แบบลอยตัว 17.3 นิ้ว มีจอสำหรับฝั่งผู้โดยสาร และจอแสดงข้อมูลการขับขี่เหนือคอนโซลหน้าหรือ HUD พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้านปาดล่างแบบ flat-bottomed เบาะนั่งหรูหุ้มหนัง NAPPA ชุดหนังสัมผัสตกแต่งด้วยแผงคอนโซลหน้าแผงประตูด้วยวัสดุระดับพรีเมียม คอนโซลกลางมีหัวคันเกียร์ไฟฟ้าเป็นคริสตัล ติดตั้งที่ชาร์จสมาร์ตโฟนชาร์จจุใจถึง 2 เครื่อง

เครื่องเสียงจาก Devialet พร้อมลำโพง 16 จุด เสริมด้วยแสงไฟเพื่อสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารกว่า 128 เฉดสี และระบบแสดงผลบนกระจกหน้า Head up display

ขุมพลังไฟฟ้ามีด้วยกันถึงสองความแรงตั้งแต่รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังให้พลังมากถึง 313 แรงม้า วิ่ง 702 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC และรุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อให้พลังมากถึง 529 แรงม้าวิ่งไกล 630 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC โดยทั้งสองมีความจุแบตเตอรี่เท่ากัน 91.392 kWh อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร เพียง 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ช่วงล่างแบบถุงลมกับชุดแบตเตอรี่ที่มีเทคโนโลยี CTB (Cell-to-Body) ถูกรวมเข้ากับแชสซีส์รถเพิ่มความแข็งแกร่งในการบิดตัวของรถ พร้อมโหมดการขับขี่สี่โหมดทั้ง Standard Sport  ECO และ Snow/ICE ประหยัดเวลาในนาทีเร่งด่วน ด้วย Dual DC charger 150 kW และ 230 kW ให้คุณชาร์จได้ 2 หัวพร้อมกัน มาพร้อมฟังก์ชัน Vehicle to Vehicle มีการอัปเกรดระบบให้ทันสมัยขึ้นเช่นระบบ ช่วยเหลือการจอดแบบอัตโนมัติ อัปเกรดช่วงล่างถุงลมใหม่ เบื่องต้นเตรียมเปิดตัวที่จีน มีนาคมนี้ ยังตรึงราคาเดิม 350,000 – 450,000 yuan หรือราว 1,739,000-2,229,000 บาท

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
Tags: