ขายจีนมาสองปีมียอดขายสะสมเกือบ 120,000 คัน กับ DENZA D9 ที่ตั้งใจท้าชนกับ Toyota Alphard และเป็นรุ่นที่เตรียมโชว์ไทยที่ Motor Show

]ล่าสุดเปิดตัวรุ่น MY2024 สำหรับ DENZA D9 เพิ่มออปชันใหม่ติดตั้งประตูดูดไฟฟ้าทั้งในส่วนประตูคู่หน้าและประตูสไลด์สองฝั่ง นอกนั้นเดิมๆด้วยชุดกระจังหน้าทรงทึบสีเงิน แนวตั้ง 12 ซี่ หรือแนวคล้าย Alphard ปะตราโลโก้เด่น พร้อมขอบสีเงินล้อมรอบด้านหน้ารถแบบเต็มๆไฟหน้า LED ดีไซน์หรู

ไฟส่องสว่างเวลากลางวัน LED Daytime ชุดตกแต่งสีเงินที่ขอบกระจก คิ้วชายล่างประตู คิ้วกันชนหลัง ไฟท้ายดีไซน์แนวยาว LED  และไฟเลี้ยววิ่ง Sequential หลังคา Dual Panoramic Sunroof ประตูสไลด์ด้านข้างเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า และ ล้ออัลลอยลายสุดล้ำขนาด 18 นิ้ว

ภายในเพิ่มออปชันใหม่ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันดีไซน์ปุ่มการทำงานซ้าย-ขวาให้ไวขึ้นพร้อมระบบอุ่นที่พวงมาลัย จอสัมผัสยังเพิ่มฟังก์ชันความบันเทิงกับแอป Game Center เข้ามาด้วย ปรับในเรื่องระบบสั่งงานด้วยเสียง คอนโซลเกียร์ออกแบบใหม่ปรับให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมสีภายในใหม่แบบ Broad-minded Rice

พร้อมเบาะนั่งแถวที่สองมาแบบ VIP Captain Seat จดจำตำแหน่งการนั่ง (Memory Seats) ระบบนวด เบาะอุ่น ระบายความร้อนควบคุมผ่านหน้าจอ Touch Screen พร้อมช่องวางโทรศัพท์ โต๊ะพับและที่วางแก้ว ตกแต่งด้วยวัสดุหนัง เบาะนั่งคนขับปรับด้วยระบบไฟฟ้า 12 ทิศทาง และฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ทุกที่นั่งมีระบบอุ่นเบาะ มีพื้นที่ด้านหลังขนของได้ 410-570 ลิตร กรณีไม่พับเบาะ และถ้าพับเบาะ 2,310 ลิตร ระบายอากาศ และนวดเพื่อผ่อนคลาย

รุ่น 4 ที่นั่ง PIONEER เบาะ VIP สองที่นั่งปรับด้วยระบบไฟฟ้า 18 ทิศทาง พร้อมระบบนวดเบาะมากถึง 18 จุด อุ่นเบาะถึง 6 จุด โต๊ะทำงานดีไซน์เรียบหรู สำหรับการใช้งานอเนกประสงค์ รองรับการทำงาน อ่านหนังสือ มีตู้เย็นเล็กขนาด 7.5 ลิตร พร้อมจอควบคุมการทำงานแบบจอสี LCD ในชุดคอนโซลกลางขนาดใหญ่

หน้าจอขนาดใหญ่ 32 นิ้ว ลำโพงจาก DEVIALET มากถึง 22 จุด ชุดฉากกั้นมีกระจกกั้นกลางในห้องโดยสาร เก็บเสียงได้เป็นอย่างดี​ พร้อมระบบแอร์แยกส่วน ช่วยให้การหมุนเวียนอากาศแยกส่วนกันชัดเจน ระหว่างห้องคนขับและห้องโดยสาร เพิ่มระบบฟอกอากาศ FOREST กำจัดเชื้อไวรัสภายในรถได้

ขุมพลังมีสองแบบเริ่มที่ DM-i PHEV เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 139 แรงม้า แรงบิด 231นิวตันเมตรจับคู่กับระบบ EHS Hybrid ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวกำลังสูงสุด 231 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 20.39 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวม 301 แรงม้า แรงบิด 571 นิวตันเมตร

วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 98 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC เติมน้ำมันและชาร์จหนึ่งครั้งรวมกัน วิ่งไกล 965 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 9.5  วินาที ขับเคลื่อนล้อหน้า ในรุ่น DM-i 965

รุ่น DM-i 1040 ให้พลังเท่ากับรุ่น DM-i 965 แต่แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ขยายความจุเป็น 40.06 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้ามากขึ้นถึง 190 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC หรือ 155 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC ถ้าเติมน้ำมันและชาร์จหนึ่งครั้งรวมกัน วิ่งไกล 1,040 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC

รุ่น DM-i 970 AWD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยเพิ่มมอเตอร์หลัง 61 แรงม้า แรงบิด 110 นิวตันเมตร และเมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้าสูงสุด 407 แรงม้า แรงบิด 681 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้ามากขึ้นถึง 180 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC หรือ 145 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTC เติมน้ำมันและชาร์จหนึ่งครั้งรวมกัน วิ่งไกล 970 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.9 วินาที  ทุกรุ่น สามารถชาร์จกระแสตรง DC รองรับกำลังสูงสุด 45 80 kW และชาร์จกระแสตรง AC

รุ่น EV มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้าติดตั้งความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 103.36 kWh คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า 313 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร ชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งไกลสุด 620 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC รุ่นท็อปมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเท่ากัน มอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าให้กำลังเท่ากันแต่เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลัง 61 แรงม้า แรงบิด 110 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกันให้แรงม้าสูงสุด 374 แรงม้า แรงบิด 470 นิวตันเมตร โดยชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งไกลสุด 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC

เปิดราคาแล้วที่จีนทั้งหมด 9 รุ่นย่อยเริ่มต้น 339,800-600,600 Yuan หรือราว 1,681,000-2,979,000 บาท โดยมียอดจองมากกว่า 10,000 คัน ส่วนรุ่นท็อป PIONEER ส่งมอบให้ลูกค้าช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
Tags: