เคยเป็นไหมครับ ที่วันทำงานอันแสนเร่งรีบในวันหนึ่ง คุณต้องผจญกับเรื่องน่ารำคาญใจ หลังแต่งตัวสวยหล่ออกจากบ้าน เตรียมไปทำงาน บิดกุญแจสตาร์ทรถสุดที่รัก ปรากฏว่า มันไม่ยามทำงาน รถดื้อดึงที่จะอยู่บ้านรากับว่า เฮ้!! นี่มันวันพักผ่อนของฉันนะ ยิ่งสตาร์ทเครื่องยนต์ก็ยิ่งจะดูไร้ความหวัง สุดท้ายคุณก็ต้องยอมแพ้เจ้ารถไม่รักดี เป็นวันเลวร้ายของชีวิต ใช้รถสาธารณะไปทำงาน เพียงเพราะเจ้ารถทรยศคุณนั่นเอง

ประสบการณ์แบบนี้คงไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับหลายคนที่ใช้รถยนต์เคยเจอ หรือผ่านประสบการณ์มาแล้ว รถยนต์สมัยนี้ไม่ใช่เครื่องยนต์คูโบต้าที่คุณจะสตาร์ทด้วยมือหมุนแล้วเครื่องยนต์จะทำงานได้ทันทีแต่ใช้ “มอเตอร์สตาร์ท” เครื่องยนต์ ซึ่งต้องการไฟฟ้าในการทำงาน และเมื่อแบตเตอร์รี่ของคุณเกิดขอลากลับบ้านเก่า นั่นจึงเป็นสาเหตุว่า ทำไมเช้าอันเร่งรีบรถสุดที่รักจึงสตาร์ทไม่ติดนั่นเอง

แบตเตอร์รี่ ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญของระบบไฟฟ้าในรถยนต์ มันคือแหล่งเก็บประจุพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในรถ โดยให้กำลังไฟฟ้าทั้งการสตาร์ทเครื่องยนต์, ระบบปรับอากาศ รวมถึงระบบเครื่องเสียง ระบบกันขโมย และอื่นๆอีกมากมาย ที่ ต้องการไฟฟ้าหล่อเลี้ยงเพื่อให้ทำงาน

ปกติแล้ว แบตเตอร์รี่จะมีอายุการใช้งานได้ตั้งแต่ 1- 3 ปี และ อาจจะมากกว่านั้นถ้ามีการดูแลรักษาอย่างดีในแบตเตอร์รี่บางประเภท แต่สิ่งที่หลายคนมักเจอคือ คุณไม่มีทางรู้ว่าวันไหนจะเป็นวันซวย รถสตาร์ทไม่ติด และเมื่อเกิดขึ้นแล้ว มันจะก่อความเดือดร้อนรำคาญหงุดหงิดอารมณ์เสีย

รู้ก่อนพัง แบตเตอร์รี่ส่งสัญญาณ

ในอดีต รถยนต์มักจะมีมาตรวัดบอกแรงดันไฟแบตเตอร์รี่รถยนต์ว่า  หลังจากคุณดับเครื่องยนต์แล้วแบตเตอร์รี่คงเหลือแรงดันไฟฟ้าเท่าไรกัน ตามปกตอิแล้วแบตเตอร์รี่ที่อยู่ในระดับปกติ จะมีไฟคงเหลือในแบตเตอร์รี่ เมื่อดับเครื่องยนต์ราวๆ  12.1-12.3 โวล์ต และเมื่อใช้งานไปสักระยะหนึ่ง อาจจะมีกำลังไฟต่ำเพียง 11.5 โวลต์ แต่ก็มากพอที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ทำงาน

โดยส่วนใหญ่แล้ว เรามักจะละเลยการส่งสัญญาณเสื่อมสภาพของแบตเตอร์รี่ โดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอาการหลักเริ่มต้น คือ

1.การสตาร์ทช้าในตอนเช้า อาการนี้จะเกิดขึ้นเมื่อคุณสตาร์ทรถในระหว่างเครื่องยนต์เย็นในตอนเช้า ซึ่งเป็นเวลาที่แบตเตอร์รี่ไม่ได้ชาร์จไฟเป็นเวลานาน หากแบตเตอร์รี่เริ่มเสื่อมสภาพ อาการสตาร์ทช้าจะเกิดขึ้นได้ง่ายในเวลานี้

ลักษณะอาการ สตาร์ทช้า คือ เครื่องยนต์จะใช้รอบหมุนหลายครั้งมากกว่าที่จะสตารืทตืด เช่น เดิมทีอาจจะหมุนใช้เวลา 1-2 วินาที ก็ติดเครื่องยนต์ได้ แต่เมื่อแบตเตอร์รี่เริ่มเสื่อม อาจจะใช้เวลาหมุนนานกว่านั้น หรือบางครั้ง คุณต้องย้ำการสตาร์ท จากปกติ บิดกุญแจครั้งเดียวแล้วสตาร์ทติดได้เลย แต่เมื่อแบตเตอร์รี่เริ่มจะลาโลก คุณอาจจะต้องหมุนกุญแจ 2 ครั้ง เนื่องจากครั้งแรกใช้เวลานานเกินไป

2.ระบบไฟฟ้าดูแปลกๆ ไป ใครที่ใช้รถเป็นประจำลองหมั่นสังเกตให้ดี ถ้ารถคุณ มีอาการไฟหน้าไม่สว่างเท่าเดิม หรือ เครื่องเสียงดูจะรับสัญญาณวิทยุไม่ดี หรือแอร์ไม่เย็น เหมือนเคย อาจจะเป็นจุดบอกว่า “แบตเตอร์รี่” คุณ เริ่มเสื่อมก็ได้  อาการนี้เห็นได้ชัดกว่าด้วย เพราะแบตเตอร์รี่คือแหล่งเก็บไฟฟ้า ตามหลักการทำงานไฟฟ้ารถยนต์ปกติ แบตเตอร์รี่จะถูกชาร์จเข้าตลอดเวลาเพื่อมีไฟหล่อเลี้ยงไปทำงานระบบต่างๆ ต่อเนื่อ งแต่ถ้าแบตเสื่อมมันจะกักเก็บไม่ดี แบตเตอร์รี่จะมีอาการไฟตกตลอดเวลา ทำให้ไฟที่จ่ายมายังอุปกรณ์ต่างๆ ในรถยนต์นั้นมีประสิทธิภาพต่ำลงตามไปด้วย

 

เลือกอย่างไร “แบตเตอร์รี่” ใหม่  … เอาแบบไหน ดี

คำถามที่มักเจอประจำเมื่อหลายคนแบตเตอร์รี่เสื่อม คือว่า เลือกแบตเตอร์รี่แบบไหนดีครับ .. คำถามแบบนี้ผมเจอบ่อยมากและกว้างมากที่จะตอบคำถาม บางคนไม่ถามแต่มะงุมมะงาหราเข้าไปให้ร้านแบตเตอร์รี่ฟันหัวแบะกลับออกมา บางคนเน้นเชื่อโฆษณา แต่หลังจากคุณอ่านบทความนี้เชื่อผมเลยว่าจะซื้อแบตเตอร์รี่ได้ถูกต้อง

แบตเตอร์รี่รถยนต์ มองเผินๆ ก็หน้าตาเหมือนกันใช่ไหม แต่ความจริงมีส่วนที่แตกต่างกันมากกว่าที่คุณคิดเสียอีก การเลือกแบตเตอร์รี่ใหม่สำหรับรถ ให้เริ่มต้นแบตเตอร์รี่รุ่นเดิมที่คุณใช้อยู่ โดยคุณสมควรจะเรียนรู้ว่า รถยนต์ที่คุณใช้อยู่ มันใช้แบตเตอร์รี่ขนาดกำลังไฟต่อชั่วโมงเท่าไร 

กำลังไฟต่อชั่วโมงหรือ Ampere Hour  เป็นการแทนค่าประสิทธิภาพความสามารถในการปล่อยพลังงานไฟฟ้าต่อชั่วโมงของแบตเตอร์รี่ ซึ่งค่าแอมป์ที่เราพูดถึงเวลาซื้อแบตเตอร์รี่ ก็คือค่า Ampere Hour  นี่แหละครับ

ค่าแอมป์ถูนำมาอ้างอิงกับแบตเตอร์รี่รถยนต์ เพื่อพูดถึงขนาดและประสิทธิภาพของแบตเตอร์รี่ ซึ่งยิ่งมีประสิทธิภาพสูง ก็หมายถึง ราคาค่าตัวที่เพิ่มสูงขึ้น คุณจะเห็นได้ว่า  แบตเตอร์รี่ที่มีค่าแอมป์สูงกว่าเดิม จะมีราคาแพงกว่าเดิม ประมาณ 200-300 บาท ทุกๆ 5 แอมป์ ที่เพิ่มขึ้น

ส่วนรถคุณจะใช้กี่แอมป์ฮาว ให้ดูที่คู่มือประจำรถครับ จะมีบอกอยู่ว่า รถที่คุณขับใช้แบตเตอร์รี่กี่แอมป์อาว  หรือถ้าไม่มีระบุจริงๆ อาจจะลองปรึกษาในคาร์คลับ รถยนต์รุ่นนั้นๆ หรือ โทรสอบถามยังศูนย์บริการที่ใกล้บ้านคุณก็ได้

เมื่อได้แอมป์แบตเตอร์รี่ที่ถูกต้องแล้ว ขั้นต่อไปให้คุณ ถ่ายรูปแบตเตอร์รี่รถคุณติดไว้ในมือถือ แล้วไปยังร้านแบตเตอร์รี่ที่ใกล้ที่สุด

วิธีการเลือกซื้อแบตเตอร์รี่ เหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ง่ายนัก แบตเตอร์รี่ที่ขายในปัจจุบัน มีอยู่ 3 แบบ ด้วยกัน คือ

1.แบตเตอร์รี่น้ำ เป็นแบตเตอร์รี่แบบดั้งเดิมซึ่งใช้มายาวนาน โดยในแบตเตอร์รี่จะมีน้ำกรดอยู่ภายใน ผู้ใช้จำเป็นต้องหมั่นตรวจสอบระดับน้ำกรดแบตเตอร์รี่อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งหากกรดอยู่ในระดับต่ำอาจจะทำให้แบตเตอร์รี่เสื่อสภาพได้

ข้อดี คือ แบตเตอรืรี่แบบนี้ราคาถูก และมีความทนทานหากดูแลสม่ำเสมอ

ข้อเสีย คือ แบตเตอร์รี่แบบนี้อาจจะดันน้ำออกจากทางรูเติมด้านบน ทำให้กรดแบตเตอร์รี่กัดตัวถังรถ ทำให้ผุหรือเป็นสนิมได้ในระยะยาว

2.แบตเตอร์รี่แห้ง แบตฯแห้งอาจไม่ค่อยพบในบ้านเรานัก แต่ก็มีอยู่บ้างเหมือนกัน แบตเตอร์รี่แห้ง คือแบตเตอร์รี่ที่ทางโรงงานออกแบบให้ผู้ใช้ไม่ต้องดูแลน้ำกรดภายในแบตเตอร์รี่ โดยอาจจะออกแบบฝาปิดให้กลั่นน้ำที่เกิดการระเหยในแบตเตอร์รี่ ให้กลับมาเป็นน้ำอีกครั้ง และปิดฝาแบตเตอร์รี่ให้สนิทเพื่อป้องกันการรั่วซึมออกมา

แบตเตอร์รี่แห้งส่วนใหญ่มักมีราคาแพงกว่าแบตเตอร์รี่น้ำ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ แต่ก็เหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาในการดูแลรถยนต์ของตัวเอง  ที่สำคัญลดการรั่วของน้ำกรดได้ 100%  

ข้อดี คือ ไม่ต้องดูแลน้ำกลั่นแบตเตอร์รี่ ป้องกันกรดไหลออกแบตเตอร์รี่ได้   100%

ข้อเสีย คือ  ราคาแพง

 

3.แบตเตอร์รี่กึ่งแห้ง  ระยะหลังเชื่อว่าหลายคนคงได้ยินคำว่า  “แบตเตอร์รี่กึ่งแห้ง” มาบ้างไม่มากก็น้อย แบตเตอร์รี่กึ่งแห้ง เป็นแบตเตอร์รี่ที่รวมเอาข้อดีของแบตเตอร์รี่น้ำและแห้ง มาไว้ในลูกเดียว กล่าวคือทนและไม่ต้องดูแลมากมาย แถมราคาก็ไม่ได้สูงมาก ทำให้ได้รับความนิยม

แบตเตอร์รี่กึ่งแห้ง เป็นแบตเตอร์รี่ที่มีความเป็นมิตรในการใช้งานมากกว่าแบตเตอร์รี่น้ำ เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเติมน้ำกลั่นเป็นประจำก็ยังสามารถทำงานได้ดี 

ข้อดี คือ ราคาไม่แพง ไม่ต้องดูแลบ่อย

ข้อเสียคือ ยังต้องดูแลในบางโอกาส 

 

CCA เรื่องสำคัญ ที่หลายคนมองข้าม

ในบ้านเราอาจไม่ได้ให้ความสำคัญกับคำว่า   Cold Cranking Amp   หรือ   CCA  มากนัก แต่ความจริงแล้ว ค่า   CCA เป็นค่าที่มีความสำคัญอบ่างมาก ยิ่งใครใช้รถตามสถานที่มีอุณหภูมิอากาศเย็นจัดบ่อยครั้ง หรือในหน้าหนาว ยิ่งสมควรจะต้องรู้ไว้

CCA   เป็นค่าที่บอกประสิทธิภาพในการปล่อยประจุไฟไปสตาร์ทเครื่องยนต์ หรือว่าง่ายๆ มันช่วยให้เครื่องยนต์สตาร์ทง่ายขึ้นแค่ไหน เมื่อเปรียบเทียบกับแบตเตอร์รี่ที่มีค่า   CCA   ต่ำกว่า  ยิ่งค่า  CCA   สูงก็หมายความว่า คุณสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ง่าย เมื่ออยู่ในพื้นที่อากาศหนาว หรือสตาร์ทรถในตอนเช้าที่มีอากาศค่อนข้างเย็น

ดังนั้นการเปลี่ยนแบตเตอร์รี่จึงควรพิจารณาเรื่องค่า  CCA  เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ เช่น เครื่องยนต์แบบพิเศษ อย่างเครื่องยนต์สูบนอน หรือมีจำนวนสูบมาก เช่นใช้เครื่องยนต์ 6 หรือ  8 สูบ  

 

ถามตอบข้อข้องใจเรื่องแบตเตอร์รี่

ถาม  :   แบตเตอร์รี่ อยู่ได้นานกี่ปี

ตอบ :   ระยะเวลาที่แบตเตอร์รี่จะใช้ได้แต่ละลูกนั้นมีระยะเวลาไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับการใช้งานรถและการดูแลของเจ้าของรถยนต์คันนั้น แต่ตามปกติ แล้ว จะอยุ่ได้ขั้นต่ำ 1 ปี ตามการรับประกันของผู้ผลิตแบตเตอร์รี่หลายราย ที่จะรับประกันแบตเตอร์รี่เพียง 12 เดือนหรือ 1 ปี

 

ถาม : เราควรใช้แบตเตอร์รี่แอมป์ สูงขึ้นหรือไม่

ตอบ : ถ้ารถคุณไม่ได้ปรับแต่งทางด้านเครื่องเสียงหรือทำอะไรเพิ่มเติมกับระบบไฟฟ้าที่เป็นอยู่ ไม่จำเป็นที่จะต้องเพิ่มแอมป์ของแบตเตอร์รี่ ให้สูงกว่าเดิม เพราะยิ่งแอมป์สูง ก็ยิ่งราคาสูงตามไปด้วย  ส่วนใหญ่แล้วที่ร้านมักจะแนะนำแบตเตอร์รี่แอมป์สูง ก็เนื่องจากว่าราคาจำหน่ายสูงกว่าทำกำไรมากกว่า และลูกค้ามักเข้าใจว่า ยิ่งแอมป์สูงยิ่งดี ซึ่งก็จริงในบางแง่มุม แต่ถ้ารถคุณไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นรถบ้านๆ เดิมๆ ต่อให้แต่งซิ่งก็ไม่ได้ใช้เครื่องเสียงหรือใส่ไฟซีนอน หรืออะไร ที่จะกินประจุไฟมากกว่าเดิม บอกเลยว่าไม่มีความจำเป็นต้องอัพแอมป์

 

ถาม: แบตเตอร์รี่แห้งแพงกว่ามากไหม

ตอบ: พอสมควรครับ แบตเตอร์รี่แห้งจะมีราคาแพงกว่าแบตเตอร์รี่น้ำราวๆ  500-600 บาท และ แพงกว่าแบตเตอร์รี่กึ่งแห้ง 300-400 บาท แต่อย่างที่กล่าวข้อดีของเขาคือเรื่องการไม่ต้องดูแลน้ำกลั่นเลย ตลอดอายุการใช้งาน

 

ถาม: ถ้าเราใส่แบตเตอร์รี่แอมป์น้อยกว่าเดิม จะมีผลเป็นอย่างไร
ตอบ  :  ในระยะแรกเราจะไม่เห็นความแตกต่างมากนัก เนื่องจากแบตเตอร์รี่ยังใหม่ แต่จะเห็นได้ว่า แบตเตอร์รี่จะมีอาการสตาร์ทเครื่องยนต์ยากกว่าเดิมนิดหน่อย เนื่องจากแบตเตอร์รี่ที่มีแอมป์ต่ำ ก็จะมีค่า   CCA  ต่ำไปด้วยเช่นกัน  และเมื่อนานไปอาการนี้จะชัดขึ้นจนท้ายที่สุดแบตเตอร์รี่อาจจะเสื่อมสภาพไวกว่า ตามสเป็ครถ

 

ถาม: ทำไมเครื่องดีเซล จึงใช้แบตเตอร์รี่ใหญ่กว่า รถเครื่องเบนซิน

ตอบ :  สาเหตุที่เครื่องดีเซลส่วนใหญ่ใช้แบตเตอร์รี่ที่มีขนาดใหญ่กว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน นั้นมาจากองค์ปัจจัย 2 ประการ คือ 1.ขนาดเครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า อาทิ รถกระบะบ้านเรามีขนาดเครื่องยนต์เล็กที่สุดในตอนนี้เท่ากับ 1.9 ลิตร ขณะที่เบนซินเล็กสุดคือ 1.0 ลิตรใน   Suzuki Celerio ,2.เครื่องยนต์ดีเซลเป็นเครื่องยนต์ที่ไม่มีตัวช่วยในการจุดระเบิด หรือหัวเทียน  ทำให้การเริ่มต้นการทำงานเครื่องยนต์อาจจะต้องหมุนหลายจังหวะมากกว่าจึงจะเริ่มต้นการทำงาน โดยเฉพาะรถยนตืที่มีความเก่า และผ่านการใช้งานมานาน แบตเตอร์รี่จึงต้องมีขนาดใหญ่ เพื่อให้มีค่า  CCA  สูง

 

หลายคนคงคิดว่าแค่เปลี่ยนแบตเตอร์รี่ จะต้องอะไรมากมายนัก แต่ความจริงแล้วสิ่งที่หลายคนมักลืมไปคือว่า แบตเตอร์รี่ นั้นเป็นแหล่งพลังงานหลักของรถ ซึ่งการเลือกแบตเตอร์รี่ที่ดีและถูกต้องเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก และมันทำให้รถคุณขับได้ดีขึ้น รวมถึงตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลของคุณด้วย

 

ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ ขอบคุณทุกกำลังใจสำหรับพวกเรา   ridebuster.com 



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่