BYD SEAL U กลายเป็นชื่อที่ ทาง BYD ตัดสินใจ ว่า จะใช้ในการทำตลาดทั่วโลก หลังจากก่อนหน้านี้ มีการเปิดตัวทำตลาด อื่นมาแล้ว

แต่ทางออสเตรเลียกลับไม่ใช้ชื่อนี้แต่จะเป็นชื่อใหม่ BYD Sealion 6 ยืนยันทางผู้จำหน่ายที่ออสเตรเลียด้วยน้าตาคล้ายเวอร์ชันไฟฟ้าแต่ต่างกันที่มีช่องระบายอากาศแนวนอนสามชั้นตรงกลางของชุดกันชนหน้า ประกบคิ้วสีเงินสองเส้นซ้าย-ขวาบนมุมกันชน  กระจังหน้าแบบไร้ขอบ โค้งมนคล้ายหยดน้ำ พร้อมไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL LED ใต้ชุดไฟหน้าแบบรูปตัวซี  กระจกแบบโอเปร่าดีไซน์ เส้นสายของตัวถังที่ดูลื่นไหลนับตั้งแต่จมูกหน้ารถแนวตัวถังด้านข้างต่อเนื่อง

ไฟท้าย LED ที่วางแบบเต็มท้ายรถติดตั้งดิฟฟิวเซอร์มาให้พร้อมไฟถอยหลังใต้กันขนและไฟทับทิมซ้าย-ขวา มีคำว่า BํYD บนฝาท้ายรถ หลังคารถพาโนรามิกซันรูฟ ล้อสีทูโทนขนาด 19 นิ้ว

ภายในปรับโทนสีภายในเป็นสีดำล้วนเน้นความล้ำสมัยพร้อมออปชันดังนี้ จอกลางแบบสัมผัสขนาด 15.6 นิ้วสามารถหมุนจอได้ ระบบเชื่อมต่อเครือข่าย DiLink รองรับการอัปเดตในรูปแบบ OTA เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน  มาตรวัดความเร็ว 8.8 นิ้ว เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง เบาะนั่งแถวหลังแบ่งพับ 60:40

เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบกุญแจ NFC พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงท้ายตัดสามก้าน ที่ชาร์จมือถือไร้สาย 2 จุด หัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส ช่องเก็บของหลายจุด มาพร้อมที่วางแก้วขนาดใหญ่ 2 จุด พอร์ตชาร์จ USB Type C 2 จุด และ Type A 2 จุด

มาพร้อมขุมพลังเบนซิน 1.5 ลิตร 98 แรงม้า จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าให้กำลัง 197 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวมถึง 218 แรงม้า ในรุ่น Dynamic จากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 18.3 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 110 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC

ทางด้านรุ่น Premium ขุมพลัง 1.5 ลิตร 131 แรงม้า มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าให้กำลัง 204 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลัง 163 แรงม้า และเมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 324 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 26.6 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC

ทั้งคู่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง ECO, Normal, Sport, HEV และ EV รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 3.3 และ 7 kW และการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 18 kW และวิ่งไกล 1,080 กิโลเมตรต่อการชาร์จและการเติมน้ำมันเพียงหนึ่งครั้ง ใช้หัวชาร์จแบบ Type 2/CCS Combo ยังมีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ และระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) BYD Sealion 6 เตรียมเปิดตัวที่ออสเตรเลียในวันที่ 16 พฤษภาคม

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่