นับเป็นรุ่นรถค่าย BYD อีกหนึ่งรุ่นที่คนไทยรอคอยและอยากให้มาขายหลังจากที่ BYD ATTO3 และ BYD Dolphin ขายดีแทบส่งมอบไม่ทันกับ BYD SEAL

ไทยคือที่ๆสองต่อจากฮ่องกงเปิดตัวเวอร์ชันพวงมาลัยขวาหล่อล้ำอนาคตจากพื้นฐาน e-Platform 3.0 หรูทั้งคันตั้งแต่ไฟหน้า LED ชุดกันชนหน้าขึ้นรูปชิ้นเดียวมีกระจังหน้าปิดทึบอยู่ในชุดเดียวกัน กระจกแบบโอเปร่า ดีไซน์หรูหราดุจรถยุโรป เส้นสายของตัวถังที่ดูลื่นไหลนับตั้งแต่จมูกหน้ารถ แนวตัวถังด้านข้าง ต่อเนื่องไปจนถึงโคมไฟท้าย LED ที่วางแบบเต็มความกว้างท้ายรถติดตั้งดิฟฟิวเซอร์มาให้พร้อมสรรพล้อสีทูโทนดีไซน์เอกลักษณ์ ให้เลือกทั้งขนาด 18 นิ้ว และขนาดใหญ่ 19 นิ้ว

ดีไซน์ภายในเน้นความสบายลักชัวรีตั้งแต่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ทรงท้ายตัด มองลอดพวงมาลัยเป็นจอ Driver Display LCD 10.25 นิ้ว Head-up Display แสดงข้อมูลที่จำเป็นโดยที่ผู้ขับไม่ต้องละสายตาจากถนนเบื้องหน้าส่วนจอแสดงผล ระบบ Infotainment ขนาดใหญ่เต็มตาถึง 15.6 นิ้ว เชื่อมต่อ Apple Car Play Android Auto รองรับ 5G มีระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ DiLink  ที่ชาร์จมือถือไร้สายรวมถึงหัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส เบาะนั่งทรงสปอร์ต หุ้มหนังอย่างประณีต มีช่องเก็บของหลายจุดสามารถวางแก้วน้ำ

ขุมพลังอีวีมีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น Standard Range ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยแบตเตอรี่ที่มีความจุ 61.44 kWh กำลังสูงสุด 204 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.5 วินาที วิ่งได้ 460 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP รองรับการชาร์จเร็ว (DC fast charging) : 30-80% ภายในเวลา 30 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 110 kW และชาร์จช้า AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 7 kW

รุ่น Extended Range ขับเคลื่อนล้อหลัง (RWD) พร้อมความจุแบตเตอรี่ 82.56 kWh กำลังสูงสุด 313 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ 570 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.9 วินาที รองรับการชาร์จเร็ว (DC fast charging) : 30-80% ภายในเวลา 26 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 150 kW และชาร์จช้า AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 7 kW

รุ่นท็อปสุด Extended Range AWD Performance มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อมีความจุแบตเตอรี่ขนาด 82.56 kWh กำลังรวมสูงสุด 530 แรงม้า กับ แรงบิดสูงสุดระดับ 670 นิวตันเมตร  สามารถวิ่งได้ 520 กม./ชาร์จหนึ่งครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 3.8 วินาที รองรับการชาร์จเร็ว (DC fast charging) : 30-80% ภายในเวลา 26 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 150 kW และชาร์จช้า AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 7 kW

ยังมีเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้พร้อมระบบความปลอดภัยช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงอัจฉริยะ (ADAS) BYD SEAL เปิดตัว 28 กันยายนนี้ ค่าตัวอาจป่วนเปี่ยนแถวๆ 1.4 -1.7 ล้านบาท

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่