หนึ่งในเจ็ดรุ่นใหม่ค่าย BYD เปิดตัวที่งาน Motor Show 2024 กับ BYD SEA LION สปอร์ตเอสยูวีพลังไฟฟ้าเวอร์ชันพวงมาลัยขวาครั้งแรกในอาเซียน

BYD SEA LION จากตระกูล Ocean ตัวรถดีไซน์โดย Wolfgang Egger หัวหน้าฝ่ายออกแบบค่ายที่เคยฝากผลงานในอดีตกับค่าย AUDI โดยได้แรงบันดาลใจจากต้นแบบ BYD Ocean X ตั้งแต่ภายนอกด้วยไฟหน้า LED รูปตัว C พร้อมไฟ DRL แบบ LED ในโคมเดียวกัน ชุดกันชนหน้าขึ้นรูปชิ้นเดียวดีไซน์หลบมุมซ้ายขวามีกระจังหน้าปิดทึบอยู่ในชุดเดียวกัน พร้อมตรา BYD

หลังคาแบบ Panoramic Glass Roof มาพร้อมเทคโนโลยีการตัดแสงและรังสียูวี ป้องกันความร้อนเข้าสู่ห้องโดยสาร กระจกมองข้างปรับองศาอัตโนมัติพร้อมระบบ Mirror Memory และระบบทำความร้อนไล่ฝ้า เส้นสายของตัวถังที่ดูลื่นไหลนับตั้งแต่จมูกหน้ารถแนวตัวถังด้านข้างต่อเนื่อง ไฟท้าย LED ออกแบบรูปตัวเอลากยาวอย่างต่อเนื่องติดตรา BYD รับกับกันชนหลังดีไซน์ตัวซีพร้อมดิฟฟิวเซอร์มาให้พร้อมไฟถอยหลังใต้กันชนและไฟทับทิมซ้าย-ขวา คิ้วขอบล้อทรงสปอร์ตรับกับล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 20 นิ้ว พร้อมยาง 245/45R20 จากค่าย MICHELIN

ภายในเน้นความหรูหราด้วยดีไซน์คอนโซลหน้าหุ้มหนังสัมผัส พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันสามก้าน ติดตั้งมาตรวัดความเร็ว 10.25 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว สามารถหมุนจอได้ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง พร้อมลำโพง Dynaudio 12 จุด พร้อมไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light มากถึง 128 สี

เบาะนั่งกึ่งหนังแท้ตัดเย็บประณีตฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบ Memory Seat และ เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางพร้อมกับระบบระบายอากาศและอุ่นเบาะ เครื่องปรับอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลังพร้อมระบบฟอกอากาศประจุลบพร้อมกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ถึงระดับ CN95

ระบบกุญแจ NFC พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรงท้ายตัดสามก้าน ที่ชาร์จมือถือไร้สาย หัวเกียร์คริสตัลรอบๆคันเกียร์รายล้อมด้วยปุ่มควบคุมการทำงานของจอสัมผัส และช่องเก็บของหลายจุดสามารถวางแก้วน้ำ และแท่นชาร์จมือถือไร้สาย ความจุห้องเก็บสัมภาระ 500 ลิตร

ขุมพลังไฟฟ้าพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor พร้อมแบตเตอรี่แบบ lithium iron phosphate (LFP) Blade Battery เป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถเรียกว่า Cell To Body หรือ CTB ในรุ่นท็อป AWD Performance ขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ พร้อมความจุแบตเตอรี่ 82.5 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 530 แรงม้า แรงบิด 690 นิวตันเมตร

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายใน 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุด 550 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC ส่วนระยะเวลาการชาร์จทั้งแบบกระแสตรง DC รองรับกำลังสูงสุด 150 kW กับ กระแสสลับ AC รองรับกำลังสูงสุด 11 kW มีระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) ใช้หัวชาร์จแบบ Type 2/CCS Combo ยังมีระบบเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ พร้อม ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ โดยเมืองไทยอาจเป็น 1 ใน 5 รุ่นใหม่ขายภายในปี 2024

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่