แม้จะยังไม่มีการเปิดราคาอย่างเป็นทางการ แต่ BYD Dolphin รุ่น Extended Range ก็ถือว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข้อมูลทางเทคนิคและออพชันต่างๆที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยมอย่าง MG4

ดังนั้น ในวันนี้ เราจึงขอนำเอาข้อมูล รวมถึงสัมผัสที่ได้จากการทดลองขับโดยคร่าวๆ ของตัวรถทั้งสองรุ่นโดยคร่าวๆ มาลองเปรียบเทียบกันดูสักหน่อยดีกว่า ว่ามันจะเหมาะกับใคร หรือคันไหนจะเหมาะกับคุณ มากกว่ากัน ?

*สำหรับการเปรียบเทียบข้อมูลในครั้งนี้ จะเป็นการเปรียบเทียบโดยอ้างอิงระหว่างรายละเอียดตัวรถ BYD Dolphin รุ่น Extended Range กับ MG 4 รุ่น X ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดของตระกูลเป็นหลัก

มิติตัวรถ

MG4BYD Dolphin
ความยาว4,287 มิลลิเมตร4,150 มิลลิเมตร
ความกว้าง1,836 มิลลิเมตร1,770 มิลลิเมตร
ความสูง1,516 มิลลิเมตร1,570 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ2,705 มิลลิเมตร2,700 มิลลิเมตร

ขุมกำลัง ระบบขับเคลื่อน และ แบตเตอรี่

MG4BYD Dolphin
รูปแบบขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อคู่หลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อคู่หน้า
แรงม้าสูงสุด170 PS204 PS*
แรงบิดสูงสุด250 นิวตันเมตร310 นิวตันเมตร*
แบตเตอรี่51 kWh60.48 kWh*
ระยะทางในการวิ่งสูงสุด (NEDC)425 กิโลเมตร490 กิโลเมตร*

*ข้อมูลเฉพาะรุ่น Extended Range หากเป็นรุ่น Standard Range จะได้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังขับสูงสุด 94 PS, แรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร, แบตเตอรี่ความจุ 44 kWh, และ เคลมระยะทางการวิ่งสูงสุด ตามมาตรฐาน NEDC 410 กิโลเมตร

ระบบกันช่วงล่าง และระบบบังคับเลี้ยว

MG4BYD Dolphin
ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าไฟฟ้า
ระบบบกันสะเทือนด้านหน้าอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท
ระบบกันสะเทือนด้านหลังอิสระ 5 ลิงก์อิสระ มัลติลิงก์*
ระบบเบรกด้านหน้าดิสก์เบรกดิสก์เบรก
ระบบเบรกด้านหลังดิสก์เบรกดิสก์เบรก
ขนาดวงล้อ17 นิ้ว17 นิ้ว*
ขนาดยาง215/50 R17205/50 R17*

*ข้อมูลเฉพาะรุ่น Extended Range หากเป็นรุ่น Standard Range จะได้ระบบกันสะเทือนหลังทอร์ชันบีม, ชุดล้ออัลลอยด์ 16 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 195/60 R16

ออพชันและลูกเล่นที่น่าสนใจ

MG4BYD Dolphin
เบาะนั่งภายในห้องโดยสารหนังสังเคราะห์ และผ้า, เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง สำหรับผู้ขับ และ 4 ทิศทาง สำหรับผู้โดยสารหนังสังเคราะห์ล้วน, เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง สำหรับผู้ขับ และ 4 ทิศทาง สำหรับผู้โดยสาร หัวเบาะปรับระดับไม่ได้**
งานตกแต่งชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารทูโทน เทา-ดำทูโทน มีให้เลือกหลายคู่สีแล้วแต่สีภายนอก และรุ่นย่อย
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนัง 2 ก้าน D-Chape ปรับได้ 4 ทิศทางมัลติฟังก์ชัน หุ้มหนัง 3 ก้าน D-Chape ปรับได้ 4 ทิศทาง
มาตรวัดหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว
(Digital Multi-function Display)
หน้าจอ TFT ขนาด 4 นิ้ว ติดตั้งบนคอพวงมาลัย
ระบบปลดล็อค และสตาร์ทเครื่องยนต์กุญแจ Keyless + พร้อมปุ่ม Push Startกุญแจ Keyless + พร้อมปุ่ม Push Start
หน้าจออินโฟเทนเมนท์หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมรองรับระบบ Apple CarPlay + Android Autoหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมรองรับระบบ Apple CarPlay + Android Auto
ลำโพง6 จุด6 จุด
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ เฉพาะตอนหน้า พร้อมระบบกรอง PM 2.5 ยังไม่มีช่องแอร์หลังดิจิตอล ไม่มีระบบอัตโนมัติ เฉพาะตอนหน้า พร้อมระบบกรอง PM 2.5 ยังไม่มีช่องแอร์หลัง
เบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบ Auto Holdไฟฟ้า พร้อมระบบ Auto Hold
แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สายมี*มี**
หลังคาปิดทึบปกติพาโนรามิค ซันรูฟ**

*มีเฉพาะใน MG4 รุ่น X

**มีเฉพาะใน BYD Dolphin รุ่น Extended Range

ระบบความปลอดภัย

MG4BYD Dolphin
กล้องมองรอบคันมี*มี
ระบบป้องกันล้อล็อคมีมี
ระบบกระจายแรงเบรกมีมี
ระบบควบคุมการทรงตัวมีมี
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีมีมี
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชันมีไม่มี
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตามี*มี
ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถมีไม่มี
ระบบช่วยช่วยเบรกขณะถอยรถมี*ไม่มี
ระบบเตือนก่อนการชน พร้อมระบบช่วยเบรกก่อนการชนด้านหน้ามีมี
ระบบตรวจจับแรงดันลมยางมีมี
ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติมีไม่มี
ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนมีมี
ระบบควบคุมให้อยู่ในเลนมี*มี
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติมีมี
ถุงลมนิรภัย6 จุด6 จุด

*มีเฉพาะใน MG4 รุ่น X

รุ่นย่อยและราคาวางจำหน่าย

MG4BYD Dolphin
รุ่น X : 969,000 บาทรุ่น Extended Range : ประมาณ 850,000 บาท*
รุ่น D : 869,000 บาทรุ่น Standard Range : ประมาณ 750,000 บาท*

*เป็นราคาประมาณการ ตามแนวโน้มล่าสุดช่วงปลายเดือน มิถุนายน หากมีการเปิดราคาที่แท้จริงในวันที่ 5 กรกฏาคม ทีมงานจะมาอัพเดทข้อมูลใหม่อีกครั้ง

จากข้อมูลทั้งหมดในข้างต้น

จะเห็นได้ว่าในส่วนของออพชันลูกเล่นต่างๆ เราคงไม่ต้องเปรียบเทียบกันเท่าไหร่นัก เพราะมันสามารถเห็นได้กันเป็นข้อๆอยู่แล้ว ว่าคันไหนมีหรือไม่มี

แต่เมื่อมองจากขนาดมิติตัวถัง จะเห็นได้ว่าทั้ง BYD Dolphin และ MG4 เกือบจะเป็นรถยนต์คนละเซกเมนท์กัน เพราะในฝ่ายหลังนั้น มีตัวรถที่ทั้งยาว และกว้างกว่าพอสมควร

ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ไม่ใช่แค่ผู้เขียนเองเท่านั้น แต่ใครก็ตามที่มีโอกาสได้เห็นตัวรถทั้งสองรุ่นจอดเทียบกัน ก็จะรู้ได้ทันทีเลยว่า ตัวรถ MG4 ดูใหญ่กว่า Dolphin จริงๆ มีเพียงด้านสูงเท่านั้น ที่น้อยกว่ากันเพียงเล็กน้อย

และนั่นก็ทำให้ผู้เขียน ที่มีโอกาสได้สัมผัสรถทั้งสองรุ่น สามารถจับสังเกตได้ว่าห้องโดยสารภายในของ MG4 เอง ก็มีความใหญ่ และกว้างทางด้านข้างกว่า Dolphin อยู่หน่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องของพื้นที่โดยสาร รวมถึงตัวเบาะนั่งของ MG4 ก็มีความกว้างบริเวณแผ่นหลังมากกว่า ทั้งเบาะคู่หน้าและคู่หลัง

แต่ในทางกลับกันสำหรับ BYD Dolphin แม้จะไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่เท่า จึงทำให้ความรู้สึกในการนั่งภายในห้องโดยสาร จะรู้สึกใกล้ชิดกับคนข้างๆมากกว่าไปบ้าง แต่ตัวบานกระจกรถรอบคันที่ค่อนข้างใหญ่โต และค่อนไปทางสูง ก็ไม่ได้ทำให้ตัวรถดูอึดอัดมากมายขนาดนั้น

ซึ่งหากยังไม่พอ สำหรับตัวรถรุ่น Extended Range ก็ยังให้หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ ซึ่งช่วยให้บรรยากาศภายในห้องโดยสารดูโปร่งมากขึ้นไปอีก ทว่านั่นก็แลกมาซึ่งโอกาสที่จะเกิดความร้อนสะสมภายในห้องโดยสารมากกว่าเดิมหากขับรถกลางแดดเปรี้ยงๆ แม้จะปิดฝ้าหลังคาสไลด์ไฟฟ้าแล้วก็ตาม

ส่วนตัวเบาะคู่หน้าแม้จะน่าเสียดายตรงที่มันไม่สามารถปรับความสูงหัวหมอนได้ และเบาะก็ค่อนข้างเน้นไปที่ความกระชับ จึงทำให้รู้สึกอึดอัดกว่าการนั่งเบาะ MG4 ไปบ้าง และแอบอมความร้อน เพราะเป็นเบาะหนังล้วน ไม่ใช่เบาะกึ่งผ้า แต่หากคุณเป็นผู้ที่ติดอารมณ์เบาะโอบตัว ก็อาจจะชอบความรู้สึกในการนั่งเบาะของ Dolphin มากกว่าก็เป็นได้

ในส่วนของการขับขี่เอง ตัวรถ 2 คันนี้ก็มีจุดได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างกันที่ค่อนข้างชัดเจน

เริ่มจากในส่วนของระบบกันสะเทือน ในฝั่ง Dolphin ด้วยความเป็นรถยนต์จาก BYD จึงทำให้ตัวรถนั้นมีระบบกันสะเทือนที่ค่อนข้างติดนุ่ม และช่วงยุบค่อนข้างเยอะ ดังนั้นการซับแรงกระแทกต่างๆจากผิวถนนจึงสามารถทำได้ดีกว่า MG4 เล็กน้อย

แต่ในทางกลับกัน เมื่อถึงเวลาที่ต้องหักเลี้ยวรถด้วยความเร็วพอประมาณ และเป็นการหักเลี้ยวรถรัวๆ อย่างเช่นการมุดไปตามช่องจราจรต่างๆ หรือการขึ้นเขาลงห้วย ที่มีโค้งสลับไปมาเยอะๆ ตัวรถ Dolphin ก็อาจจะมีการเอี้ยวตัวไปมาเยอะกว่า MG4 อยู่พอสมควร

ซึ่งทั้งนี้ก็อยู่ที่ลักษณะการหักพวงมาลัยของผู้ใช้ด้วย หากคุณเป็นคนที่ค่อยๆหักพวงมาลัยเนียนๆไปกับโค้ง ก็จะช่วยลดและหน่วงอาการเอี้ยวตัวของรถ Dolphin ได้

ส่วนในฝั่ง MG4 ก็ใช่ว่าจะไม่มีอาการเอี้ยวตัวของรถเมื่อหักพวงมาลัยเร็วๆเลย แต่ก็ยังถือว่าน้อยกว่าเพราะช่วงยุบน้อยกว่า และตัวรถมีรูปทรงค่อนข้างเตี้ย แบน เมื่อประกอบกับพวงมาลัยที่เซ็ทการบังคับเลี้ยวให้มีความกระชับ และฉับไว กลับกลายเป็นว่า เจ้ารถที่ตัวใหญ่กว่าคันนี้ ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉงในการห้อเข้าโค้งมากกว่าแทน

ด้านความสนุกสนานในการเค้นกำลัง ต้องบอกว่าทั้งสองคัน ต่างก็มีความสนุกในแบบของตนเอง

เพราะในฝั่ง Dolphin หากเป็นรุ่น Extended Range ก็ต้องเรียกว่ามันถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าในราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ที่ให้มอเตอร์แรงที่สุดแล้วในตลาด ณ ตอนนี้ เมื่อบวกกับแรงบิดที่ค่อนข้างเยอะตั้งแต่รอบต่ำ จึงทำให้ในการกระทืบคันเร่งแต่ละครั้ง หากพื้นถนนไม่ได้สะอาดมากนัก เราก็อาจจะพบว่าล้อมีโอกาสฟรีทิ้งได้ง่ายๆ แม้ว่าตัวรถจะมีการเซ็ทหน่วงคันเร่งในช่วงจังหวะเสี้ยววินาทีแรกๆที่ผู้ขับย่ำคันเร่งไปแล้วก็ตาม

แม้แต่ระบบ Traction Control เอง ถึงเปิดเอาไว้ ก็ดูเหมือนว่ามันจะถูกเซ็ทอัพให้มีความดิบนิดๆ คือปล่อยให้ล้อไถลได้หน่อยๆเพื่อความสนุกสนานของสายซิ่งอีกด้วย ซึ่งในจุดนี้มือใหม่ อาจกลัวได้ แต่อาการล้อฟรีที่ว่า ก็ไม่ได้หนักหนาถึงขั้นจะทำให้เราหักเลี้ยวรถไม่ไปแต่อย่างใด

ส่วนตัวรถ MG4 แม้จะให้มอเตอร์ไฟฟ้าที่แรงม้าและแรงบิดน้อยกว่า แต่ด้วยการเซ็ทอัพคันเร่งให้มีความหน่วงน้อยกว่า ดั้งนั้นในจังหวะที่กระทืบคันเร่งลงไป เราจึงไม่ได้รู้สึกว่ารถมันจะมีแรงดึงในช่วงตีนต้นที่ด้อยกว่า Dolphin รุ่นบนเท่าไหร่นัก

และที่สนุกก็คือ เนื่องจากความเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง จึงทำให้ แทนที่พอเวลาเราเหยียบคันเร่งจนล้อฟรี เราจะเสียวกับอาการหน้าบาน แบบรถขับหน้า คราวนี้จะกลายเป็นเราจะสนุกไปกับการท้ายขวางนิดๆ แบบมีแทรคชันคอนโทรลคอนประคองให้นิดๆแทน ซึ่งเป็นอารมณ์ที่หาไม่ได้เลยในรถยนต์มือหนึ่งราคาต่ำกว่าหนึ่งล้านบาทในตอนนี้ (แต่ก็เช่นเดียวกันว่า สำหรับผู้ขับมือใหม่ ก็อาจจะต้องทำความเข้าใจในประเด็นตรงนี้ด้วย)

ดังนั้นสุดท้ายนี้ก็อยู่ที่คุณแล้วล่ะครับ ว่าจะชอบตัวรถที่มีคาแร็คเตอร์แบบไหนมากกว่ากัน ระหว่าง

รถที่มีแรงบิดบ้าพลังนิดๆ แต่ยังเป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ที่ใครๆก็สามารถปรับตัวเข้าหาได้ง่าย และยังให้ช่วงล่างติดที่นุ่ม กับพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางพอประมาณ อย่าง BYD Dolphin : Extended Range

หรือ รถที่ห้องโดยสารที่กว้างกว่านิดหน่อย แม้จะไม่ได้โปร่งเท่า และถึงมอเตอร์ไฟฟ้าจะแรงน้อยกว่า แต่เมื่อขับจริงก็สามารถสร้างความสนุกสนานในการเรียกอัตราเร่งได้ดีไม่แพ้กัน แถมยังมีมนต์เสน่ห์ของความเป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง และให้ความกระชับ ฉับไวในการหักเลี้ยว แบบ MG4 : X

งานนี้คุณก็ต้องลองตัดสินใจกันดู ว่าคุณชอบตัวเลือกแบบไหนมากกว่ากัน หรือจะไปลองขับกันดูที่ศูนย์บริการเลยก็ได้ เพราะตอนนี้ ตัวรถก็มีให้ทดลองขับกันแล้วทั้งคู่ (แม้ฝั่ง BYD Dolphin จะยังไม่มีการประกาศราคา จนกว่าจะถึงวันที่ 6 กรกฏาคมนี้ก็ตาม)

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่