BYD ภายใต้ Rever Automotive รุกหนักส่งรุ่นใหม่รวดเดียว 7 รุ่น มาโชว์ตัวเพื่อหยั่งกระแสความสนใจของชาวไทยที่งาน Motor Show

โดยทั้งหมด 7 รุ่น จาก 3 แบรนด์ ทั้ง BYD กับแบรนด์ลูกอีก 2 นั่นคือ YANGWANG และ DENZA และอาจมี 3 ในรุ่น 7 รุ่นที่ทางไทยเตรียมขายภายในปีนี้ทั้งหมด 5 รุ่น เริ่มที่ BYD SEAL U จากตระกูล Ocean ตามสเปกมีทั้ง Plug In Hybrid และ BEV เริ่มที่ ขุมพลัง PHEV 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตันเมตร คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า 197 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวมถึง 311 แรงม้า

มีสองทางเลือกเริ่มที่รุ่น DM-i 110 จากแบตเตอรี่ขนาด 18.3 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 110 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC และรุ่น DM-i 150 แบตเตอรี่ขนาด 26.6 kWh วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 150 กิโลเมตรต่อการชาร์จตามมาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC สูงสุด 3.3 และ 7 kW และการชาร์จกระแสตรง DC สูงสุด 18 kW และวิ่งไกลมากกว่า 1,000 กิโลเมตรต่อการชาร์จและการเติมน้ำมันเพียงหนึ่งครั้ง

ขุมพลังอีวีมีสองรุ่นสองความแรงจากพลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมแบตเตอรี่แบบ lithium iron phosphate (LFP) เริ่มที่รุ่น Standard Range มีความจุแบตเตอรี่ขนาด 71.8 kWh กำลังสูงสุด 204 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุดระดับ 310 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ 420 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (WLTP) รองรับการชาร์จเร็ว (DC fast charging) 30-80% ภายในเวลา 28 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 114 kW และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% ได้ 8 ชั่วโมง

รุ่น Extended Range มีความจุแบตเตอรี่ขนาด 87 kWh กำลังสูงสุด 218 แรงม้า กับ แรงบิดสูงสุดระดับ 330 นิวตันเมตร สามารถวิ่งได้ 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (WLTP) รองรับการชาร์จเร็ว (DC fast charging) 30-80% ภายในเวลา 29 นาที รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 140 kW และชาร์จกระแสสลับ AC 0-100% ได้ 8 ชั่วโมง รองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 11 kW

มากันที่ ฺBYD SEA LION เอสยูวีทรงสปอร์ตหมายหมั้นว่าท้าชน TESLA โดยได้แรงบันดาลใจจากต้นแบบ BYD Ocean X สร้างจากแพลตฟอร์ม e-platform 3.0 พร้อมขุมพลังไฟฟ้าล้วน มีด้วยกันสามรุ่นย่อยตั้งแต่รุ่น Standard Range มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง ความจุแบตเตอรี่ 80.640 kWh ให้กำลังสูงสุด 231 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 610 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC

ขยับมาที่รุ่นรองท็อป ให้กำลังมากถึง 313 แรงม้า ความจุแบตเท่ากับรุ่นเริ่มต้น วิ่งไกลสุด 550 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและรุ่นท็อป AWD Performance ขับเคลื่อนสี่ล้อมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ พร้อมความจุแบตเตอรี่ 71.808 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 530 แรงม้า จากมอเตอร์คู่หน้าให้กำลัง 218 แรงม้า และมอเตอร์คู่หลัง 313 แรงม้าวิ่งไกลสุด 550 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยรุ่นนี้เตรียมทำตลาดโลกทั้งพวงมาลัยซ้ายและขวาอาจเป็นรุ่นใหม่ที่เข้าขายไทยก็เป็นได้

เจ้านางนวลอย่าง BYD Seagull หรือชื่อใหม่ BYD Dolphin MIMI กวาดยอดขายในจีนมากกว่า 2 แสนคัน ไซซ์น่ารักคล่องตัวจากตระกูล Ocean มีความจุแบตเตอรี่ถึง 2 รูปแบบทั้ง 30.08 kWh และ 38.88 kWh โดยวิ่งไกลสุด 305 และ 405 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC ให้กำลังมากสุด 74 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตันเมตร เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่น TZ180XSH แถมให้ความเร็วสูงสุด 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จเร็ว DC 10-80% ในเวลา 30 นาที และใช้แบตเตอรี่โซเดียม-ไอออน ที่ต้นทุนถูกกว่าแบตอื่นๆนับเป็นอีกรุ่นที่มีแนวโน้มเข้าไทย เช่นกันกับ SEAL LION และ SEAL U

BYD SONG MAX เอ็มพีวีที่ยกระดับความหรูมาจากรุ่น E6 ปรับโฉมไปแล้วครั้งหนึ่ง จากตระกูล Dynasty ขายเพียงรุ่น Plug In Hybrid ขับเคลื่อนล้อหน้าเบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 110 แรงม้า แรงบิด 135 นิวตันเมตรจับคู่กับระบบ EHS Hybrid ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 180 แรงม้า แรงบิด 316 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Lithium iron 8.3 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวม 290 แรงม้า วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 51 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

และรุ่นสูงสุดใช้พื้นฐานเครื่องเดียวคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 197 แรงม้า แรงบิด 325 นิวตันเมตรและแบตเตอรี่ Lithium iron 18.3 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้แรงม้ารวม 307 แรงม้า แรงบิด 460 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 105 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ความเร็วสูงสุด 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้ 7.9 วินาที จัดโชว์เพื่อตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่

มากันที่แบรนด์ลูกอย่าง YANGWANG พึ่งเปิดราคาในจีนไม่นานกับ YANGWANG U9 ซูเปอร์คาร์อีวีเด่นด้วย ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าถึงสี่ตัว quad electric motorsให้กำลังแต่ละส่วน 326 แรงม้า กับความจุแบตเตอรี่ 80 kWh แบบ LFP ทำงานร่วมกันให้กำลังสูงถึง 1,306 แรงม้า แรงบิด 1,680 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 309 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 2.36 วินาที วิ่งไกลสุด 450 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC ชาร์จกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 10 นาที รองรับการชาร์จสูงสุด 500 kW และชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 7 kW ภายใน 7 ชั่วโมง 30-80% และยังดิ้นได้เต้นได้ตามจังหวะเพลง

แบรนด์ FANGCHENGBAO กับ BAO 5 หรือ Leopard 5 สายลุยทรงกล่องดีไซน์คล้ายกับ Mercedes-Benz G-Class จากาพื้นฐานแพลตฟอร์ม DM-o hybrid platform แชสซีส์ขั้นบันได Body on Frame พกพลังเบนซินเทอร์โบ Plug In Hybrid ขนาด 1.5 ลิตร ผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 31.8 kWh เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลังสูงสุด 687 แรงม้า แรงบิด 760 นิวตันเมตร

พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 125 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งและชาร์จหนึ่งครั้งและเติมน้ำมัน 1 ถัง วิ่งได้ไกล 1,200 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC

DENZA

ปิดท้ายด้วย DENZA กับการกลับมาโชว์ตัวอีกหนของ DENZA D9 ตั้งใจชน Toyota Alphard หรูสบายแบบ 7 ที่นั่ง มีไฟสร้างบรรยากาศภายใน ambient light มากถึง 128 สี พร้อมเบาะนั่งแถวที่สองมาแบบ VIP Captain Seat พร้อมระบบจดจำตำแหน่งการนั่ง มีทั้งนวด อุ่นเบาะ ระบายความร้อน ควบคุมผ่านหน้าจอ Touch Screen พร้อมช่องวางโทรศัพท์ โต๊ะพับและที่วางแก้ว ตกแต่งด้วยวัสดุหนัง พร้อมลำโพง DYNAUDIO 14 จุด

พร้อมสองทางเลือกทั้ง Plug In Hybrid มอเตอร์เดี่ยวขับหน้ากำลังสูงสุดรวม 301 แรงม้า แรงบิด 571 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้า 98 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC เติมน้ำมันและชาร์จหนึ่งครั้งรวมกัน วิ่งไกล 965 กิโลเมตร ขยับมาที่รุ่นรองท็อป วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้ามากขึ้นถึง 190 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ถ้าเติมน้ำมันและชาร์จหนึ่งครั้งรวมกัน วิ่งไกล 1,040 กิโลเมตร และรุ่นท็อป ขับสี่ 407 แรงม้า แรงบิด 681 นิวตันเมตร วิ่งไกลสุดในโหมดไฟฟ้ามากขึ้นถึง 180 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC เติมน้ำมันและชาร์จหนึ่งครั้งรวมกัน วิ่งไกล 970 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC  ทุกรุ่นสามารถชาร์จ DC และชาร์จ AC ได้

รุ่น EV มาพร้อมขุมพลังไฟฟ้าติดตั้งความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 103.36 kWh มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้า 313 แรงม้า แรงบิด 360 นิวตันเมตร ชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งไกลสุด 620 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC และรุ่นท็อปมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ 374 แรงม้า แรงบิด 470 นิวตันเมตร ชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งไกลสุด 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน CLTC ทั้งคู่มีทั้งชาร์จช้า AC รองรับกำลังไฟสูงสุด 7 kW และชาร์จเร็ว DC 30-80% รองรับกำลังไฟสูงสุด166 kW รองรับ V2L และช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ทั้ง 7 รุ่นใหม่นี้สามารชมตัวจริงได้ที่งาน Bangkok Motor Show 2024 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม-7 เมษายน

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่