กำลังว่อนเน็ตอยู่เลยในช่วงสัปดาห์นี้ กับการพูดถึงประเด็น Honda HR-V กับ Honda City ว่าแท้จริงแล้วเจ้าอเนกประสงค์ยอดนิยม ก็คือ การจับซิตี้คาร์มายกสูง แล้วชูราคาขายแพงจนทะลุล้านกว่าบาท

เรื่องนี้ถือเป็นประเด็นใหญ่มาก ที่อาจทำให้หลายคนเข้าใจผิดในรถยนต์ Honda HR-V จากเพียงความคิดของใครหนึ่งในโซเชี่ยล มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีอะไหรแบบนี้เกิดขึ้น
แต่เมื่อทั้งโลก แทบจะมองว่า รถทั้ง 2 คัน มันคือรถรุ่นที่ปรับปรุงออกมาเพียงยกสูง เท่านั้น … อยากให้ทุกคนตั้งคำถามกลับ แบบที่เขาพูดว่า แล้ว Honda HR-V คือ Honda City ยกสูง จริงหรือ??
ขุมกำลังเหมือนกัน แต่จูนมาต่าง
ข้อแรกที่หลายคนมองว่าเหมือนกัน นั่นคงเป็นเครื่องยนต์ไฮบริด 1.5 e:hev ที่ประจำการอยู่ในรถทั้งสองรุ่น เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนเหมือกันทั้งคู่ และจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของรายละเอียดการจูนอัพเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในขณะที่ตัวเลขแรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์ที่อยู่ในรถทั้งสองคัน จะมีตัวเลขเท่ากัน คือ 127 นิวตันเมตร ที่ 4,500 – 5,000 รอบ/นาที แต่แรงม้าสูงสุดต่างกัน
- HR-V จะมีตัวเลข 106 PS ที่ 6,000 – 6,400 รอบ/นาที
- City ก็จะมีแรงม้าสูงสุด 98 PS ที่ 5,600 – 6,400 รอบ/นาที
จะสังเกตว่าแรงม้าซิตี้น้อยกว่า แต่สามารถเรียกใช้ได้ในช่วงกว้างกว่า อาจเพื่อการตอบสนองที่รวดเร็วกว่ายามต้องการทำความเร็ว ในช่วงสั้นๆ เหมาะกับการขับขี่ในเมือง
ด้านมอเตอร์ไฟฟ้า ก็ยังมีความแตกต่างกันในเรื่องแรงม้าเหมือนกันด้วย
มอเตอร์ไฟฟ้าของ HR-V จะสามารถทำแรงม้าสูงสุดได้ 131 PS ที่ 4,000 – 8,000 รอบ/นาที
มอเตอร์ของฝั่ง City ก็จะสามารถทำแรงม้าสูงสุดได้ 109 PS ที่ 3,500 – 8,000 รอบ/นาที
ส่วนแรงบิดสูงสุดมีกำลังเท่ากัน 253 นิวตันเมตร แต่ HR-V สามารถลากแรงบิดสูงสุดนี้ได้ในช่วงกว้างกว่า ตั้งแต่ 0 – 3,500 รอบ/นาที ขณะที่ City จะสามารถเค้นได้ตั้งแต่ 0 – 3,000 รอบ/นาที เท่านั้น
อาจด้วยความตั้งใจให้สามารถไต่ความเร็วได้ดี ในช่วงการออกตัว และพร้อมสำหรับการรัดมาใช้ในยามเร่งแซง สำหรับในอเนกประสงค์ ที่อาจมีผู้โดยสารและสัมภาระแน่นคัน
ยังไม่นับเรื่องของอัตราทดเกียร์ขั้นสุดท้ายที่ฝั่ง HR-V จะจัดจ้านกว่าด้วย(9.595 – Honda 8.402) เพื่อรองรับการใช้งาน ที่อาจมีผู้โดยสารและสัมภาระแน่นคันมากกว่า Honda City

แพลตฟอร์มเดียวกัน แต่ไม่ใช่ Copy -Paste
จุดต่อมาท่หลายคนตั้งข้อสงสัยในเรื่องของ การเป็นซิตี้ยกสูง เราเชื่อว่าน่าจะเป็น ระบบกันสะเทือน ซึ่งสื่อถึงว่าแท้ที่จริง มันเป็นรถแบบเดียวกัน
ด้วยการเซทอัพ ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบ อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท และ ช่วงล่างหลังทอร์ชันบีม เหมือนกันทั้งคู่ เพียงแต่ด้วยตัวถังสูงกว่า และรูปทรงรถอเนกประสงค์ ทำให้ฝั่ง HR-V อาจจะมีแค่การติดตั้งชุดโช้คอัพที่มีช่วงยุบเยอะกว่า รองรับการกระแทกดีกว่า
ยิ่งกว่านั้น เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า Honda HR-V ก็ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มเดียวกันกับ Honda City ทำให้หลายคนเข้าใจว่า รถทั้งสองคันนี้มีความใกล้เคียงกันมาก ต่างกันเพียงทรวดทรงเปลือกนอก ส่วนสูง เพื่อตอบลูกค้าต่างกัน
ทั้งที่จริงแล้ว หากเราลองมองไปให้ลึกไปในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลก
การใช้แพลตฟอร์มร่วมกัน ไม่ได้หมายความว่า มันจะเป็นรถคันเดียวกัน เหมือนเราลอกการบ้านเพื่อน เพราะสัดส่วนและมิติต่างๆของ HR-V และ City ไม่ได้มีจุดใดเลยที่ใกล้เคียงกัน
โดยเฉพาะถ้าเรามองกายภาพสำคัญอย่าง ระยะฐานล้อในด้านยาว, ระยะฐานล้อหน้า-หลังในด้านกว้าง ซึ่งเป็นจุดที่เราพอจะขบคิดได้ทันทีที่เห็นรายละเอียดทางเทคนิค ตัดสินได้ว่ามันเป็นรถพี่น้องกันสายตรงหรือไม่
การพัฒนารถแต่บะรุ่นมีโจทย์ที่แตกต่างกันออกไป ตามกลุ่มเป้าหมายที่รถรุ่นนั้นอยากจะวางจำหน่าย ถึงแพลทฟอร์มรถ หรือแชสซียุคใหม่จะพัฒนาขึ้นมายืดหยุ่นในการให้ ทีมสร้างนำไปต่อยอดได้ไม่รู้จบ
แต่ไม่ได้หมายความว่า ทีมวิศวกรและนังออกแบบนั่งเฮอาปาจิงโกะใน R&D แล้วตกผลึกว่าวันนี้เราแค่เปลี่ยนดุมล้อ และล้อ ส่วนนายนักออกแบบไปเกลาโครงสร้างมาใหม่ เดี๋ยวมารวมกันแล้วตูมกลายเป็นรถรุ่นใหม่ทำกำไรให้บริษัท
การพัมนารถสักรุ่นกว่าจะถึงผู้บริโภค ต้องอาศัยเวลาในการทำงาน นานนับร้อยชั่วโมงในการทำงานเช่น คำนวนระยะการให้ตัวของปีกนก และระบบกันสะเทือนใหม่ทั้งหมด
ไปจนถึงเรื่องความแข็งแรงของโครงสร้างที่ต้องเจอกับแรงกระทำต่างมุมจากเดิมไปมากพอสมควรอีก เพื่อให้มันเหมาะสำหรับโจทย์การใช้งานและรูปทรงของตัวรถจริงๆ
คำว่า “แพลทฟอร์ม” จึงเสมือนแค่สารตั้งต้น ให้คิดถึง ร้านปาท่องโก๋ ที่คุณซื้อทุกเช้าประจำ แทนที่คนขายจะต้องมานั่งทำแป้งเอง อาจจะมีทีมวศวกรแพลทฟอร์ม ซึ่งคนเหล่านี้ระดับหัวกะทิของบริษัทคิดมาให้ในเบื้องต้น แล้วทีมพัฒนาก็มาต่อยอดว่า จะทำอะไรยังไงต่อไม่ใช่ Copy -Paste แบบที่หลายคนเข้าใจ จนนำไปประเด็น “ซิตี้ยกสูง”
วิศวกรเขาทำงานหนักมากกว่าจะเป็นรถหนึ่งคันแต่โซเชี่ยลทำลสายมันเพียงพริบตา อาจเพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้รู้กระบวนการพัฒนารถยนต์

ภายในห้องโดยสาร วัสดุ ตกแต่ง การเก็บเสียงคนละแบบ
ไม่ใช่แค่ขนาดพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่ต่างกัน แต่วิธีการตกแต่งภายในห้องโดยสารของรถทั้ง 2 คัน ยังแตกต่างกันแทบจะสิ้นเชิง ถ้าเรามองเผินๆ ชุดหน้าจอมาตรวัด กับจออินโฟเทนเมนท์ แผงควบคุมระบบปรับอากาศ ปุ่มสตาร์ท และหัวคันเกียร์เท่านั้น ที่ยกมาใช้กันในแบบชิ้นส่วนสหกรณ์
แต่พอมอง ฝั่ง City จะมาพร้อมกับรูปแบบคอนโซลที่เน้นความเรียบง่าย ใช้งานง่าย ไม่ค่อยมีลูกเล่นจุกจิกใส่เข้ามามากนัก ตั้งแต่ ลูกเล่นช่องแอร์ หน้าตาพวงมาลัย คอนโซลหน้าแบบนูนยื่นคล้ายๆกับ Honda ยุคปี 2020 ต้นๆ
ชุดจออินโฟเทนเมนท์ เป็นแบบฝังลงไปในคอนโซล ไม่ใช่แบบติดตั้งกึ่งลอยตัวตามยุคปัจจุบัน เบาะนั่งเองยังถูกตัดเย็บด้วยหนังเรียบปกติ ผสมกับหนังเจาะรู ยิ่งในโฉมก่อนหน้าก็ยังใช้เบาะผ้าอยู่แม้แต่ในตัวท็อป
ด้าน Honda HR-V ออกมาตามหลัง จะได้คอนโซลหน้าแบ่งเลเยอร์ ไม่ใช่แค่การใส่แถบคาดทั่วๆไป
คอนโซลที่ครึ่งบนเป็นแผงกรอบช่องแอร์ทั้งหมด พร้อมช่องแอร์ซ้าย-ขวา มีลูกเล่นการออกแบบให้สามารถกระจายลม ที่เรียกว่า Diffusion, จอกลางถูกติดตั้งแบบกึ่งลอยตัว, ฐานคันเกียร์ด้านล่าง เพิ่มที่ชาร์จไร้สายมีช่องว่างแก้วให้ถึง 2 จุดตรงกลาง
เบาะนั่งเป็นหนังเจาะรูมาตั้งแต่โฉมก่อน การบุวัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสารยังมีสัดส่วนการใช้วัสดุหนังหุ้ม และวัสดุเปียโนแบล็คกับวัสดุสีเงินเยอะกว่า ตามแนวคิดทำรถคันนี้ให้ดูหรูหรา
ฮอนด้าเอง ยังเปิดเผย ตอนไปทดสอบขับว่า มีการเพิ่มวัสดุซับเสียงเองจัดเต็มกว่าในรถรุ่นนี้

สมรรถนะต่าง จนไม่สามารถเรียกได้ว่า “ฝาแฝด”
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะพอเริ่มเข้าใจบ้าง รถที่ตั้งต้นจากสารเดียวกันอาจไม่เหมือนกันเลยตอนที่มันเสร็จพร้อมจำหน่าย และถ้ามีโอกาสลองขับรถทั้ง 2 รุ่น เราจะพบว่ามันแตกต่างกันมากเกินกว่า จะบอกว่า HR-V= City ยกสูง
ถึง Honda City Hatchback จะมีท้ายตัดเหมือน HR-V จะมีจุดเด่นในเรื่องความคล่องตัว ศูนย์ถ่วงต่ำ หน้าคมนิดๆ และท้ายรถที่แอบจะพยายามช่วยผู้ขับเลี้ยวหน่อยๆเมื่อสาดโค้งเร็วๆ การซับแรงของโช้คจังหวะแรกจะมีการยุบตัวเร็วนิดหน่อย แล้วค่อยๆหนืดแน่นขึ้นตามช่วงยุบ
ฝั่ง HR-V จะเป็นรถที่หน้าคมไม่แพ้กับ City ทว่าด้วยศูนย์ถ่วงที่สูงกว่า ทำให้รถอาจจะมีการโคลงตัวได้มากกว่าอย่างรู้สึกได้ง่าย แต่ด้วยฐานล้อที่กว้างกว่า ทำให้มันยังคงสามารถรักษาอาการโคลงตัวที่ว่าไม่ให้ล้นจนเกินไป และเป็นรถอเนกประสงค์ขนาดความยาวไม่เกิน 4.4 เมตร ที่ขับดีเป็นเบอร์ต้นๆของตลาด
ด้วยระยะยุบโช้คเยอะกว่า จากความสูงที่มากกว่า โช้คของ HR-V ดูจะถูกเซ็ทให้มีความหนืดในช่วงแรกมากกว่า City
ด้านหลังจะมีอาการนุ่มยวบยาบไปบ้างเมื่อต้องขับเร็วๆ เพื่อรองรับน้ำหนักผู้โดยสารตอนหลัง ที่มีโอกาสมาร่วมใช้รถด้วยกันมากกว่า
ด้านระบบขับเคลื่อนที่เราบอกไปในข้างต้นว่ามีความแตกต่างในรายละเอียดหลายจุด เมื่อได้ลองสัมผัสรถทั้งสองคัน คุณก็จะพบว่าอัตราเร่งของ HR-V จะแอบติดตีนกว่านิดๆ ซึ่งเป็นผลมาจากอัตราทดเกียร์ที่จัดกว่า
City อาจจะไม่ได้ให้ความรู้สึกติดเท้าเท่า แต่ถจะมีความลื่นไหลเมื่อขับรถด้วยความเร็วปานกลางมากกว่า
โดยเฉพาะในจังหวะที่เครื่องยนต์ทำงานขึ้นมา เราก็จะสามารถสัมผัสได้ว่ารอบเครื่องยนต์ของมันทำงานแล้วมีเสียงดังน้อยกว่า HR-V พอสมควร (แต่ใน HR-V ตัวล่าสุดมีการใส่วัสดุซับเสียงจากห้องเครื่องเพิ่มเติมแล้ว จึงคาดว่าข้อสังเกตในจุดนี้อาจจะลดน้อยลงตามไปด้วย)

สรุป Honda HR-V คือ Honda City ยกสูงจริงหรือ?
เราคงเถียงไม่ได้ว่ายังไงโดยเนื้อแท้แล้วรถทั้งสองรุ่นนี้ก็ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มเดียวกัน แต่การจะสรุปตัวรถด้วยคุณสมบัติเพียงข้อเดียวไปสู่ภาพรวม คงจะดูใจร้ายกับทีมวิศวกร รถทั้ง 2 รุ่นเกินไป
อย่างที่เราได้ไล่เรียงไว้ รายละเอียดต่างๆแล้ว ทั้ง HR-V และ City มีความแตกต่าง ไม่ใช่แค่หน้าตาภายนอกภายใน หรือออพชันที่เห็นได้ด้วยตาเท่านั้น
ในรายละเอียดโครงสร้างต่างๆของตัวรถ ฝั่ง City ก็ออกแบบมาเพื่อเป็นรถยนต์นั่งขนาด Sub Compact อย่างแท้จริง ที่จะมอบอรรถประโยชน์ให้กับผู้ใช้ทั้งในเรื่องของสมรรถนะการควบคุม และขนาดตัวที่กำลังพอเหมาะพอเจาะ เน้นการขับขี่ในเมืองเหมือนชื่อของมัน อาจเดินทางคน 2 คนเป็นหลัก นั่งเต็มคันไม่บ่อย
ฝั่ง HR-V ก็เป็นรถที่ถูกออกแบบทั้งโครงสร้าง ช่วงรถ และชิ้นส่วนภายในอื่นๆใหม่ เพื่อให้มันเป็นรถอเนกประสงค์ไม่ใช่แค่การขยายตัวถัง หรือยกสูง แต่ยังรวมถึงการออกแบบกลไกช่วงล่าง และความแข็งแรงของโครงสร้างใหม่ และยังใส่ลูกเล่นต่างๆมาให้รถดูพรีเมียมมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า ตามโจทย์การใช้งานของมันจริงๆที่จะต้องรองรับผู้ใช้วัยทำงานหรือกำลังสร้างครอบครัว
มาถึงตรงนี้ เราคงยืนยันได้ชัดเจนว่า Honda HR-V ไม่ใช่เพียง Honda City ยกสูง แล้วบวกราคาขึ้นมาจนแตะหลัก ล้านบาท
ในฐานะคนทำสื่อ เราเชื่อว่า ทุกคนมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นตามที่ตนเข้าใจ และอยากจะสื่อสาร
เพียงแต่อยากจะให้ย้ำเตือนกันอีกครั้ง ว่าการจะเทียบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรถรุ่นใดรุ่นหนึ่ง จะให้ดูกันแค่เพียงคุณสมบัติไม่กี่ข้อแล้วสรุปไปดื้อๆ แบบกำปั้นทุบดิน ไม่ใช่สิ่งที่ควรนัก
รถหนึ่งรุ่นมีปัจจัยต่างๆที่วิศกรต้องออกแบบมากมาย เพื่อให้มันกลายเป็นรถที่ตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มเป้าหมายที่พวกเขาตั้งเอาไว้จริงๆ พวกเขาทำงานหลายร้อยชั่วโมง และทดสอบนับครั้งไมถ้วนก่อนจะมาเป็นรถที่พวกเราใช้
ดังนั้น คุณจึงควรลองสัมผัสตัวรถจริงๆ แล้วพิจารณารถให้ถี่ถ้วนดูดีๆเสียก่อน ออกจากหน้าจอเลิกฟังโซเชี่ยลที่ปั่นกันไม่เว้นแต่ละวัน แล้วฟังเสียงในใจคุณเองว่า รถแบบไหนที่เหมาะกับคุณ Honda City หรือ Honda HR-V
