BMW XM ได้ชื่อว่าเป็นรถเอสยูวีคันแรกของแบรนด์ ที่เกิดมาพร้อมรหัส M โดยกำเนิด และตอนนี้ มันก็ได้ถูกเปิดราคาสำหรับการวางจำหน่ายในประเทศไทยแล้ว ด้วยราคา 14,899,000 บาท

BMW XM ใหม่ โดดเด่นด้วยการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวและหรูหรา มาพร้อมสัดส่วนไดนามิกปราดเปรียวและรูปลักษณ์ที่โดดเด่น เค้าโครงทันสมัยของรถยนต์สปอร์ตอเนกประสงค์สะดุดตาด้วยองค์ประกอบการออกแบบสไตล์ M
มอบความรู้สึกแข็งแกร่งดุดันเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจให้กับตัวรถ

ด้านหน้าของ BMW XM แตกต่างด้วยไฟหน้าแบบแยกส่วน กระจังหน้าทรงไตคู่แบบ ‘Iconic Glow’ ที่มาพร้อมไฟส่องสว่างแบบต่อเนื่อง ไฟหน้า Adaptive LED อัจฉริยะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยและมอบแสงสว่างบนท้องถนนตลอดจนช่วงเข้าโค้งได้ดียิ่งขึ้น ระบบปรับการทำงานไฟสูงช่วยเปิดและปิดไฟสูงโดยอัตโนมัติเมื่อมีรถสวนหรือมีรถด้านหน้า ส่วนบริเวณด้านข้างมีแถบสีที่ชวนให้นึกถึงรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M1 ทำให้รถดูโดดเด่นยิ่งขึ้น

นอกจากนี้การออกแบบของ BMW XM ยังรวมเอาคุณลักษณะต่าง ๆ ที่ทำให้นึกถึงอดีตไม่ว่าจะเป็น โลโก้บีเอ็มดับเบิลยูที่กระจกหลังหรือไฟท้ายทรงเรียว และยังสะดุดตายิ่งกว่าใครด้วยล้อ อัลลอย M น้ำหนักเบา ขนาด 23 นิ้ว ลาย star spoke แบบสลับสี ซึ่งติดตั้งมาเป็นมาตรฐาน

BMW XM ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 8 สูบ ขนาด 4.4 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW M TwinPower Turbo ล้ำสมัย ระบบขับเคลื่อน M HYBRID ที่ติดตั้งมาในรถยนต์รุ่นนี้ช่วยเสริมประสิทธิภาพและสมรรถนะของรถโดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษเมื่อโลดแล่นบนท้องถนน

โดยระบบขับเคลื่อน M HYBRID ในรถยนต์ BMW XM ให้กําลังรวมสูงสุดที่ 480 กิโลวัตต์ / 653 แรงม้า ที่แรงบิดรวมสูงสุด 800 นิวตันเมตร ด้านเครื่องยนต์สันดาปให้พละกำลังสูงสุดที่ 360 กิโลวัตต์ / 489 แรงม้า ที่ 5,400 – 7,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร ที่ 1,600 – 5,000 รอบต่อนาที

ในขณะที่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าให้กำลังมอเตอร์สูงถึง 145 กิโลวัตต์ / 197 แรงม้า ให้แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 280 นิวตันเมตร นอกจากนี้ ผู้ขับขี่สามารถเลือกกดปุ่ม M Hybrid ที่คอนโซลกลางเพื่อเข้าโหมดใดโหมดหนึ่งจากทั้งหมด 3 โหมด

รวมถึงโหมดการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า 100% สำหรับการขับขี่ที่ปลอดมลพิษด้วยความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้าสูงสุด 98 กิโลเมตร อ้างอิงตามมาตรฐานการทดสอบ NEDC โดยใช้พลังงานจาก ลิเธียม-ไอออนแบตเตอรี่ขนาด 29.5 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ที่ติดตั้งอยู่ด้านใต้ท้องรถ

เร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 4.3 วินาที สู่ความเร็วสูงสุดที่ 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 4 ล้อ M xDrive ช่วยให้มั่นใจได้ว่าแรงทั้งหมดจะถูกส่งไปยังถนนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยยกระดับไดนามิกการขับขี่ให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น ระบบเฟืองท้าย M Sport ยังช่วยเสริมสมรรถนะของรถโดยกระจายกำลังขับเคลื่อนระหว่างล้อหลัง

ช่วงล่าง Adaptive M Suspension Professional มอบการควบคุมแบบสปอร์ตโดยไม่ลดทอนความสะดวกสบายแก่ผู้ขับ นอกจากนี้ ระบบช่วยการขับขี่ รุ่น Professional พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop&Go ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความเร็วของรถในระดับที่ต้องการและคงระยะห่างจากรถคันหน้าให้สม่ำเสมอเท่านั้น แต่ยังช่วยให้รถยนต์อยู่ในเส้นทางอย่างคงที่ด้วยระบบบังคับพวงมาลัย เพื่อความสะดวกสบายที่เหนือกว่า

ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus ยังช่วยให้การจอดรถและการบังคับรถทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ระบบ Teleservices และปุ่มโทรออกฉุกเฉิน รับประกันว่าผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะได้รับความช่วยเหลืออย่างมืออาชีพในทุกสถานการณ์ฉุกเฉินไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ

ระบบ Active Protection ยังถูกติดตั้งมาเพื่อช่วยให้สามารถควบคุมการขับขี่ได้ดีขึ้นและช่วยตรวจจับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขับขี่ ระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้างและระบบปกป้องคนเดินถนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุยังช่วยลดความเสี่ยงให้กับคนเดินถนนที่อยู่ใกล้เคียงกับรถยนต์ได้อีกด้วย

ภายในตกแต่งดีไซน์ M ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ขณะที่พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M และเข็มขัดนิรภัยดีไซน์
M ให้ความรู้สึกสปอร์ตและโฉบเฉี่ยวในการขับขี่ นอกจากนี้ผ้าบุหลังคายังเป็นเสมือนงานประติมากรรม 3 มิติ
ลวดลายแบบปริซึมและเมื่อเปิดไฟ Ambient Light ก็จะพบกับหลอดไฟ LED กว่า 100 ดวงบนหลังคาที่ส่องสว่างอย่างงดงามยามค่ำคืน

คอนโซลด้านบนยังบุด้วยหนังแบบ BMW Individual ทำให้การตกแต่งภายในดูสะดุดตาและหรูหราไปอีกขั้น ชุดไฟส่องสว่างภายในและภายนอกห้องโดยสารระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน ระบบระบายอากาศและฟังก์ชันนวดผ่อนคลายสําหรับเบาะนั่งตอนหน้า ยังถูกติดตั้งมาเป็นมาตรฐานในรถยนต์รุ่นนี้เช่นกัน

BMW XM ใหม่ ยังได้รับการพัฒนาด้านระบบความบันเทิงและการสื่อสารให้ทันสมัยยิ่งขึ้นโดยมาพร้อมจอ BMW Head-up Display และระบบ BMW Live Cockpit Professional แสดงผลบนจอ Control Display ขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานบนระบบปฎิบัติการ BMW Operating System 8 ใหม่ล่าสุด ที่ปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้มากยิ่งขึ้น ระบบจำลองเสียงเครื่องยนต์ IconicSounds Electric ให้เสียงขับที่กระตุ้นความตื่นเต้นแม้ในโหมดการขับขี่แบบไร้มลพิษ

นอกจากนี้ ระบบเสียงรอบทิศทาง Bowers & Wilkins Diamond ยังมอบสุนทรียภาพแห่งเสียงที่ชวนดื่มด่ำแบบเต็มขั้นด้วยลำโพงขนาด 1,475 วัตต์ และลำโพงพิเศษอีกสี่ตัวบริเวณหลังคา นอกจากนั้น ผู้ขับขี่ยังจะได้รับประโยชน์จาก Connected Package Professional ซึ่งช่วยให้ผู้ขับมั่นใจว่าจะได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและข้อมูลการจราจรอัปเดตล่าสุดเมื่ออยู่บนท้องถนน

BMW XM รุ่นปกติ

BMW XM ใหม่ พร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทย ด้วยราคา 14,899,000 บาท และ มีสีภายนอกให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 7 สี ได้แก่ สีดำ Black Sapphire, สีเขียว Cape York Green, สีดำ Carbon Black, สีเทา Dravit Grey, สีฟ้า Marina Bay Blue, สีขาว Mineral White และสีแดง Toronto Red

และมีสีภายในกับหนัง BMW Individual ‘Merino’ ให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Deep Lagoon, สีขาว Silverstone, สีดำ Black และ สีส้ม Sakhir Orange มาพร้อมกับแถบตกแต่งด้านข้างรถทั้งหมด 2 ตัวเลือกคือสีทองและสีดำซึ่งพาดผ่านกรอบประตูและล้อรถ ส่งให้ตัวรถโดดเด่นสะดุดตายิ่งขึ้น

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
Tags: