BMW R-GS Series ถือเป็นตระกูลรถมอเตอร์ไซค์แอดเวนเจอร์ไบค์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในตลาดโลก และล่าสุดในประเทศไทย ก็ถึงเวลาต้อนรับน้องใหม่สายพันล่าสุดของมันสักที กับ BMW R1300GS ด้วยราคาเริ่มต้น 1,125,000 บาท

BMW R1300GS มาพร้อมกับการปรับปรุง หรืออันที่จริง ต้องเรียกว่าเป็นการปรับเปลี่ยนชิ้นส่วนตัวรถใหม่เกือบหมดทั้งคัน โดยว่ากันว่ามีแค่เพียง เรือนไมล์ และฝาถังน้ำมัน เท่านั้น ที่ดูเหมือนจะเป็นชิ้นส่วนรหัสเดียวกันที่ถูกส่งต่อกันมา

นอกนั้น หากไม่นับอะไหล่สิ้นเปลืองบางจุด ก็ล้วนเป็นชิ้นส่วนที่ถูกออกแบบใหม่ขึ้นมาเพื่อมันโดยเฉพาะ และจุดเน้นหลักๆของงานออกแบบตัวรถในครั้งนี้ ก็จะอยู่ที่การไล่น้ำหนักตัวรถให้เบาลง โดยเฉพาะจากการใช้ชุดเมนเฟรมแบบเหล็กแผ่นเชื่อมขึ้นรูป ซับเฟรมเอง ก็เปลี่ยนไปใช้ซับเฟรมอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป แทนที่การใช้ชุดเมนเฟรม+ซับเฟรมจากโครงเหล็กถัก

จนทางค่ายสามารถเฉือนน้ำหนักตัวรถออกไปได้มากถึง 12 กิโลกรัม และมีน้ำหนักตัวรวมของเหลวพร้อมขี่ที่ 237 กิโลกรัม เท่านั้น ซึ่งอาจจะดูไม่ได้น้อยสักเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเบาแล้ว สำหรับรถแอดเวนเจอร์ไบค์รุ่นใหญ่ระดับเรือธงของแบรนด์เช่นนี้

นอกจากการไล่เบา อีกสิ่งที่ BMW Motorrad ให้ความสำคัญใน R1300GS ก็คือ “การไล่บาง” ด้วยการออกแบบสัดส่วนตัวรถใหม่ ให้ดูเพรียวบางกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ไฟหน้า LED Projector แบบโคมเดี่ยว จงอยบังโคลนหน้าที่เรียวยาว ถังน้ำมันที่ถูกออกแบบให้มีความเป็นทรงกึ่งหยดน้ำนิดๆ ส่วนชุดท้ายเอง ก็โชว์ให้ผู้คนได้เห็นชิ้นซับเฟรมไปเลย เพื่อความปราดเปรียวของตัวรถ

และสิ่งที่ได้รับการปรับเปลี่ยนเช่นกัน ก็คือเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 2 สูบนอน ระบายความร้อนด้วยน้ำ ลูกใหม่ ที่แม้จะมีช่วงชักสั้นลงกว่าของเดิม แต่ก็ได้ลูกสูบที่ใหญ่ขึ้นมาก จนทำให้มันมาพร้อมความจุ 1,300 ซีซี เมื่อบวกกับระบบวาล์วแปรผัน ShiftCam ที่ได้รับการปรับปรุงการทำงานใหม่ ก็ส่งผลให้มันสามารถเรียกพละกำลังสูงสุดได้ 107 กิโลวัตต์ (145 แรงม้า) ที่ 7,750 รอบต่อนาที และมอบแรงบิดสูงสุด 149 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที นับว่าเป็นเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่บีเอ็มดับเบิลยูเคยมีมา

ส่วนระบบส่งกำลังเอง ก็มีการปรับเซนเซอร์ระบบควิกชิทฟ์เตอร์ เพื่อการทำงานของระบบส่งกำลังในจังหวะเปลี่ยนเกียร์ขึ้น/ลง โดยไม่ต้องใช้คลัทช์ ที่ง่ายดายและนิ่มนวลยิ่งขึ้น สัมพันธ์กับพละกำลังเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น โดยชุดเกียร์จะยังคงมีอัตราทด 6 สปีด เช่นเดิม (แต่ปรับอัตราทดแต่ละเกียร์ใหม่) และยังคงส่งกำลังไปยังล้อหลังผ่านชุดเพลาขับดังเดิม (แต่ตัวเพลาเอง ก็ได้รับการปรับปรุงรายละเอียดใหม่อีกเล็กน้อยเช่นกัน)

ระบบกันสะเทือน ก็เป็นอีกจุดที่ตัวรถได้ถูกปรับปรุง ด้วยระบบกันสะเทือน EVO Telelever ใหม่ที่ล้อหน้า และ EVO Paralever แบบใหม่ทางด้านหลัง ซึ่งในส่วนรายละเอียดการปรับปรุง ก็มีทั้งการปรับปรุงเพื่อให้ระบบกันสะเทือนมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของการซับแรงจากผิวถนนสภาพต่างๆ และรวมไปถึงการพลิกเลี้ยวที่มีความเบา และคล่องตัวกว่าเดิม

ในส่วนของตัวโช้กเอง ก็ถูกปรับเซ็ทมาใหม่ แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ นอกจากมันจะมีระบบแปรผันความหนืดในการยืดยุบอัตโนมัติ หรือ ระบบปรับช่วงล่างแบบไดนามิก (DSA) และปรับค่าแบบสำเร็จรูปได้ ตามโหมดการขับขี่ ที่ถูกปรับปรุงมาอย่างดี

คราวนี้ ตัวโช้กอัพยังมาพร้อมระบบปรับความสูงอัตโนมัติ ซึ่งไม่ใช่แค่ระบบชดเชยความสูง เมื่อรถมีน้ำหนัก หรือสัมภาระมากขึ้น แต่ยังมีฟังก์ชันเพิ่ม/ลดความสูงเบาะอัตโนมัติ ให้เหมาะสมกับความเร็ว และเป็นมิตรกับผู้ขี่ไซส์เล็กมากยิ่งขึ้น

และหากเท่านั้นยังไม่พอ ตัวรถยังมีลูกเล่น ระบบช่วยเสริมแรงยกขณะง้างขาตั้งคู่มาให้อีก เพื่อความสะดวกสบายสูงสุดในการใช้งานของผู้ใช้

ด้านระบบช่วยเหลือการขับขี่ขั้นสูง ก็ยังเต็มไปด้วยลูกเล่นใหม่มากมาก ทั้ง ระบบควบคุมความเร็วคงที่ Active Cruise Control (ACC), ระบบเตือนการชนด้านหน้า Front Collision Warning (FCW) และ ระบบเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ Lane Change Warning (SWW)

โดยระบบควบคุมความเร็วคงที่มาพร้อมระบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ ทำให้ตั้งค่าความเร็วรวมถึงระยะห่างจากรถคันหน้าได้ตามความต้องการ ระบบเตือนการชนด้านหน้ามาพร้อมระบบเบรก ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการชนและช่วยลดความรุนแรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ในขณะที่ระบบเปลี่ยนเลนอัตโนมัติช่วยตรวจสอบสิ่งกีดขวางบริเวณเลนซ้ายและขวา เมื่อใช้ร่วมกับกระจกมองหลังจะยิ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในขณะเปลี่ยนเลน

นอกนั้นในด้านระบบ Automatic Stability Control, Hill Start Control, Tyre Pressure Control, ABS Pro และลูกเล่นโหมดการขับขี่ ได้แก่ Road, Rain, Dynamic, และ Enduro ยังคงมีมาให้เป็นออพชันพื้นฐานดังเดิม

โดย BMW R 1300 GS ที่วางจำหน่ายในประเทศไทน พร้อมให้เหล่านักบิดจับจองเป็นเจ้าของได้ใน 3 เฉดสีสุดโดดเด่น ได้แก่

  • BMW R1300GS สี Triple Black ราคาจำหน่าย: 1,125,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
  • BMW R1300GS สี GS Trophy ราคาจำหน่าย: 1,125,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
  • BMW R1300GS สี Option 719 ราคาจำหน่าย: 1,205,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่