ด้วยยุคสมัยที่ขุมกำลังมอเตอร์และระบบไฟฟ้าเริ่มมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์มากขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้ไม่แปลกใจที่หลายเครื่องยนต์ดังแห่งยุค จะต้องถูกจบตำนานไป และหนึ่งในนั้นคือ เครื่องยนต์ W12 จาก Bentley

เครื่องยนต์ W12 ของ Bentley ถูกเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2003 ในฐานะหัวใจหลักของ Bentley Continental GT รถแกรนทัวร์ริ่งคาร์เรือธงของแบรนด์(ในช่วงเวลาดังกล่าว) และด้วยความจุที่ใหญ่ถึง 6.0 ลิตร กับการเสริมกำลังด้วยระบบอัดอากาศเทอร์โบคู่ จึงทำให้มันสามารถทำแรงม้าได้มากถึง 560 PS ที่ 6,100 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดอีก 650 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,600 – 6,100 รอบ/นาที

หลังผ่านเวลาไปกว่า 2 ทศวรรษ เครื่องยนต์ลูกนี้ได้ถูกปรับปรุงไส้ใน และชิ้นส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องชุดใหญ่ จนได้ชื่อว่าเป็น “เครื่องยนต์ W12 เจเนอเรชันที่ 2” และตอนนี้หากเป็นเวอร์ชันที่แรงที่สุด มันก็มีแรงม้าที่มากขึ้นกว่าตอนเผยโฉมครั้งแรกให้โลกได้รู้จักถึง 37 เปอร์เซ็นต์ และแรงบิดสูงสุดก็มากขึ้นอีก 54 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการปล่อยมลพิษก็ลดลงอีก 25 เปอร์เซ็นต์

โดยเครื่องยนต์ W12 ที่แรงที่สุด ด้วยแรงม้ากว่า 740 PS กับแรงบิดสูงสุดอีก 1,000 นิวตันเมตร ที่เราเกริ่นถึง จะถูกติดตั้งไว้กับ Bentley Mulliner Batur ซึ่งจะถูกผลิตขึ้นเพียง 18 คันบนโลก

และรถคันสุดท้ายของรุ่นก็คาดว่าจะออกจากสายการผลิตในปี 2024 ซึ่งในขณะเดียวกัน นั่นก็จะทำให้มันเป็นรถคันสุดท้ายของแบรนด์ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบดังกล่าวของ Bentley ทันที ตามการให้ข้อมูลโดยผู้บริหารของแบรนด์

“การเดินทางอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นผู้ผลิตยานยนต์สุดหรูที่ยั่งยืน หมายความว่าเราจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในทุกยุคของ Bentley Motors” Adrian Hallmark ผู้บริหารสูงสุดของ Bentley กล่าว “ตอนที่เราเปิดตัวเครื่องยนต์ W12 ครั้งแรก ต้องย้อนไปถึงปี 2003, เรารู้ว่าเรามีเครื่องยนต์ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนที่รถของเราและแบรนด์ของเราไปได้อย่างรวดเร็ว”

“กว่า 20 ปี และเครื่องยนต์อีกกว่า 100,000 ลูก, มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องจบเครื่องยนต์ที่ในตอนนี้ได้กลายเป็นตำนานเพื่อมุ่งหน้าสู่เทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า แต่นั่นต้องไม่เกิดขึ้นโดยไร้ซึ่งการอำลาที่ดีที่สุด, ด้วยรุ่นที่แรงที่สุดของเครื่องยนต์ที่เราเคยสร้างมา”

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
Tags: