การดูแลรักษาสภาพรถยนต์ เป็นเรื่องที่จำเป็นมาก โดยเฉพาะใครที่มองหารถยนต์มือสอง ต้องนำรถที่ได้จากการซื้อขายมาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันต่างๆ ในรถให้พร้อมใช้งาน แม้ว่ารถจะยังขับได้ก็ตาม หรือใครที่ไม่เคยดูแลรถมาก่อน คุณเองในฐานะคนใช้รถ ก็ควรจะทราบรอบการเปลี่ยนถ่ายต่างๆ เพื่อจะได้ทำให้รถสามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง

ของเหลวต่างๆ ในรถของคุณ เหมือนเลือด คุณต้องมีการเปลี่ยนถ่ายอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ เพื่อทำให้รถพร้อมใช้งานสม่ำเสมอ และที่สำคัญการเสียเวลาเพียงนิดหน่อย แลกกับรถสภาพพร้อมใช้งานทุกเมื่อต้องการ ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า เรามาดูสิว่า รถคุณ จะต้องเปลี่ยนอะไรบ้างเมื่อไรกัน

review-daiso-washnwax (9)

ระยะทางที่ต้องเปลี่ยน ..นับอย่างไร

ก่อนที่ผมจะพูดถึงระยะทางที่เราควรเปลี่ยนของเหลวภายใน ผมเชื่อว่า คุณคงมีคำถามผุดขึ้นมาในสมองเวลานี้ ว่า เราจะรู้ได้อย่างไร ว่า ระยะทางที่เราจะเปลี่ยนคือเมื่อไร ?

ตามปกติการดูระยะทางที่เราจะต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันต่างๆ จะมีการบันทึกไว้ในสมุดการรับประกันประจำรถอย่างครบถ้วน จากศูนย์บริการ ในกรณีที่รถคันดังกล่าวไม่ได้รับบริการจากศูนย์ ให้ตรวจหาหลักฐานการรับบริการในรถ โดยมากจะมีการบันทึกไว้ แต่ถ้าไม่มีจริงๆ หาไม่ได้ ให้ดูที่ระยะทางรวมในการใช้รถบนหน้าปัด หรือ ODO Meter   ว่ามีระยะทางเท่าไร

แล้วจึงดูตามข้อมูลทางด้านล่างในหัวข้อต่อไปว่า รถคุณจะถึงเวลาเปลี่ยนของเหลว รายการไหนบ้างในอนาคตอันใกล้

 

ระยะที่จะต้องเปลี่ยน

 

1.น้ำมันเครื่อง

เชื่อว่า น้ำมันเครื่อง น่าจะเป็นของเหลวลำกับต้นๆ ที่คนทั่วไปรู้จักกันอีก เนื่องจากน้ำมันเครื่องยนต์มีรอบ/การเปลี่ยนถ่ายค่อนข้างบ่อย ประกอบกับมีการโฆษณาคุณสมบัติน้ำมันเครื่องยนต์โดยแต่ละผู้ผลิตจำนวนมากตามสื่อต่างๆ จนทำให้คนเริ่มคุ้นเคยมากขึ้น

น้ำมันเครื่องยนต์ปัจจุบัน มีหลายเกรด สิ้นค้า โดยพื้นฐานที่สุด คือน้ำมันเครื่องยนต์ธรรมดา เป็นเกรดแบบที่ใช้พื้นฐานจากน้ำมันตามธรรมชาติมาผสมเพื่อให้ได้การหล่อลื่น และลดความร้อนนในระหว่างการทำงานที่ดี ปัจจุบันน้ำมันแบบนี้มีขายน้อยมากแล้วในตลาด แต่ก็ยังมีขายอยู่และได้รับความนิยมบ้างเนื่องจากราคาไม่แพง

น้ำมันเครื่องเกรดต่อมา คือ น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ น่าจะเรียกว่าเป็นพื้นฐานของน้ำมันเครื่องยนต์ในยุคนี้ น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ คือการเอาน้ำมันเครื่องเกรดปกติมาผสมสูตรด้วยส่วนผสมที่ปรุงแต่งขึ้นมา ทำให้ มีราคาแพงกว่าเกรดปกติ แต่มีข้อดี คือระยะเปลี่ยนถ่ายยาวนานขึ้น โดยมากจะเปลี่ยนถ่ายทุก 7,000-8,000 กิโลเมตร ในบางยี่ห้อสามารถเคลมได้ถึง 10,000 กิโลเมตร

และท้ายสุด น้ำมันเครื่องยนต์สังเคราะห์แท้ เป็นน้ำมันเครื่องยนต์ที่มีราคาแพงสุด และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานโดยเฉพาะอย่างยิ่งระยะการเปลี่ยนถ่ายของน้ำมันเครื่องยนต์สังเคราะห์ มีระยะเปลี่ยนถ่ายนานกว่าถึง 10,000 กิโลเมตร และบางผู้ผลิตเคลมระยะการเปลี่ยนถ่ายถึง 15,000 กิโลเมตร

สรุประยะถ่ายน้ำมันเครื่อง

ประเภทน้ำมันเครื่อง ระยะทางต้องเปลี่ยนถ่าย
น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา (ไม่ผสมน้ำมันเครื่องสังเคราะห์) 5,000 กิโลเมตร
น้ำมันเครื่อง กึ่งสังเคราะห์ 7,500-8,000 กิโลเมตร
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 10,000-15,000 กิโลเมตร

 

2.น้ำมันเกียร์ –น้ำมันเฟืองท้าย

น้ำมันเกียร์ คือน้ำมันที่ทำหน้าที่ในการลดการสึกหรอและความร้อนระหว่างการทำงานของชุดเกียร์ ซึ่งปกติน้ำมันเกียร์ควรจะเปลี่ยนถ่ายโดยช่างผู้เชี่ยวชาญในศูนย์บริการรถยนต์ยี่ห้อที่คุณใช้อยู่

ระยะการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์จะกระทำทุกๆ 4 หมื่นกิโลเมตร และไม่ควรจะเกินระยะการเปลี่ยนถ่ายดังกล่าว เนื่องจากน้ำมันเกียร์เดิม อาจจะมีคราบเขม่าสะสมจากการใช้งานจำนวนมาก และทำให้การหล่อลื่นอาจจะด้อยประสิทธิภาพในการใช้งานลงไป แถมถ้าเกียร์พังขึ้นมายกเปลี่ยนใหม่ราคานับแสนไม่คุ้มกันหรอกครับ

จึงไม่แปลกที่บางครั้งคุณเข้าไปเช็คระยะกับศูนย์บริการก่อนระยะ 40,000 กิโลเมตร จะโดนบังคับให้เปลี่ยนน้ำมันเกียร์โดยทันที ไม่ว่าในรถคุณจะเป็นเกียร์ออโต้ คลัทช์คู่  CVT  หรือเกียร์ธรรมดา จะอยู่ในระยะเดียวกันนี้หมด  

ส่วนน้ำมันเฟืองท้าย คือน้ำมันของชุดขับเกียร์ลงล้อ หรือเฟืองขับสุดท้ายก่อนจะยังเพลา ซึ่งจะต้องเปลี่ยนในระยะเดียวกัน แต่จะมีสูตรน้ำมันต่างจากน้ำมันเกียร์ ให้ศึกษาจากศูนย์บริการ หรือคู่มือประจำรถให้ดี

น้ำมันเกียร์-เฟืองท้าย ระยะเปลี่ยนถ่าย 40,000 กิโลเมตร

3.น้ำยาหม้อน้ำ

น้ำยาหม้อน้ำ หรือบางคนอาจจะเรียกคูลแลนท์ เป็นของเหลวอันดับที่ 3 ที่คุรควรจะใส่ใจเนื่องจากเป็นระบบที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องยนต์ และบ้านเราก็อยู่ในสภาวะพื้นที่อากาศค่อนข้างร้อนพอสมควร

น้ำยาหม้อน้ำที่ดีต้องใส และไม่ขุ่นข้น หรือมีตะกอนสนิม

น้ำยาหม้อน้ำคือปราการด่านสำคัญ ช่วยลดอุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ โดยปกติแล้ว น้ำยาหม้อน้ำ จะต้องเปลี่ยนทุกๆ 50,000 กิโลเมตร เพื่อประสิทธิภาพในการใช้งานสูงสุด ที่สำคัญราคาค่าเปลี่ยนน้ำยาหม้อน้ำ ไม่แพงเท่าการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันเกียร์ จึงอยากแนะนำให้เปลี่ยนเมื่อถึงเวลา เพราะสามารถป้องกันเครื่องยนต์ฮีทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
น้ำยาหม้อน้ำ เปลี่ยนทุกระยะ 50,000 กิโลเมตร

4.น้ำมันเบรก

น้ำมันเบรก ในรถทุกคัน ใชเพื่อเป็นแรงดันส่งไปดันแม่ปั้มเบรกเพื่อกดผ้าเบรก ลงบนจานเบรกให้เกิดแรงเสียดทาน และหยุดรถได้โดยสำเร็จ

ช่างบางคนมักจะบอกว่า น้ำมันเบรกควรเปลี่ยนเมื่อสกปรก หรือเริ่มดำไม่ใส ทว่าในความเป็นจริงน้ำมันเบรกไมได้สัมผัสกับความร้อนที่เกิดขึ้นจากการเบรกโดยตรง ทำให้ไม่ได้มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเมื่อมีคราบดำในน้ำมัน  ผิดกับน้ำมันเครื่องที่ชะและถ่ายเทความร้อนจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์โดยตรง จนบางคนเข้าใจผิดว่าน้ำมันเบรกต้องเปลี่ยนทันทีเมื่อมีคราบดำในน้ำมัน หรือมีสีไม่ใส เว้นแต่เบรกคุณเริ่มมีอาการแปลกๆในการทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะ อาการ “เบรกจม” ซึ่งเหมือนคุณเหยียบเบรกแล้วเบรกไม่อยู่ ต้องย้ำเบรก แบบนี้อาจจะต้องเปลี่ยนน้ำมันเบรกก่อนระยะตามกำหนด หรือ ในบางพื้นที่เบรกถูกใช้งานหนักบ่อยๆ เช่นการขึ้นลงเขา  น้ำมันเบรกอาจจะเสื่อมคุณภาพ หากเริ่มมีอาการเบรกเฟดบ่อยขึ้นในระหว่างการใช้งาน ก็ต้องเปลี่ยนน้ำมันเบรก

อย่างไรก็ดี ถ้าคุณโชคดีว่า ไม่เคยพบปัญหาอะไรในการใช้งาน โดยมาก น้ำมันเบรกจะมีอายุได้ถึง 80,000 กิโลเมตร หรือ ประมาณ 3 ปี แล้วแต่ว่าอะไรถึงก่อน (ถ้าพ้น 3 ปีแล้ว ควรเปลี่ยนทันทีเนื่องจากน้ำมันเบรกอาจจะเสื่อมคุณภาพในการใช้งาน)

ระยะเปลี่ยนน้ำมันเบรก ทุก 80,000 กิโลเมตร หรือ 3 ปี

5.น้ำมันพาวเวอร์ 

น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ ปัจจุบันอาจจะไม่มีในรถบางรุ่นแล้ว เนื่องจากรถยนต์ในปัจจุบัน หันมาใช้พวงมาลัยไฟฟ้าแทน แต่ถ้ารถคุณยังมีอยู่ โดยเฉพาะรถรุ่นเก่าๆ อย่าละเลยเด็ดขาด คุณควรจะเปลี่ยนน้ำมันพาวเวอร์ ทุก 80,000 กิโลเมตร แม้ว่าน้ำมันพาวเวอร์อาจจะไม่ส่งผลอะไรอย่างชัดเจน จนเป็นอันตรายถ้าไม่เปลี่ยนถ่าย .. แต่ถ้าคุณละเลย โดยมากชุดแร็คพาวเวอร์ก็จะพังไปก่อน อย่างไรเสียก็เปลี่ยนน้ำมันพาวเวอร์ให้ไวด้วย

ระยะเปลี่ยนน้ำมัน พาวเวอร์ทุก 80,000 กิโลเมตร

 

เป็นอย่างไรบ้างครับ เห็นไหมว่าในรถเรามีของเหลวต่างๆ มากมาย พอสมควร ที่เราต้องจัดการและดูแล บางครั้งเข้าใจเหมือนกันว่า ค่าใช้จ่ายต่างๆ เยอะแยะมาก แต่ถ้าอยากใช้รถอย่างมั่นใจและปลอดภัย อย่าละเลยตรวจสอบรถที่คุณใช้ในการเดินทางเป็นประจำ เพื่อความมั่นใจนะครับ

ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์ ขอบคุณทุกกำลังใจสำหรับพวกเรา   ridebuster.com 



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่