หาก Toyota มี Corolla เป็นรถขายที่ที่สุดของแบรนด์ ฝั่ง BMW ก็มี 3 Series ไว้ชูโรงในจุดนี้เช่นกัน เพราะในปัจจุบัน รถรุ่นนี้สามารถทำยอดสะสมได้มากถึงไม่น้อยกว่า 18 ล้านคัน นับตั้งแต่โฉมแรกของมันได้ถูกสร้างขึ้นมา เมื่อ 50 ปีที่แล้ว

BMW ฉลองวันเกิดปีที่ 50 ของหนึ่งในรถยอดนิยมเบอร์ต้นของแบรนด์อย่าง BMW 3 Series ด้วยยอดการผลิตรวมไม่น้อยกว่า 18 ล้านคัน นับตั้งแต่ตัวรถโฉมแรกได้ถูกผลิตขึ้นเมื่อปี 1975 ในโรงงานที่เมืองมิวนิค ก่อนที่จะค่อยๆเพิ่มกำลังผลิตไปยังโรงงานอีก 18 แห่ง ใน 13 ประเทศทั่วโลก
โดยในเวอร์ชันแรกที่ใช้รหัส E21 จะมีเพียงรุ่นตัวถัง 2 ประตู คูเป้ เท่านั้น แล้วจึงตามมาด้วยร่างเปิดประทุน, ซีดาน, แฮทช์แบ็กท์, และวากอน เพื่อการตอบโจทย์ตลาดอย่างครอบคลุม จนสามารถทำยอดการผลิตสะสมได้กว่า 1.37 ล้านคนทั่วโลก ในตลอดอายุการตลาดตั้งแต่ปี 1975-1983
ต่อมาตัวรถรหัส E30 ก็ยิ่งกลายเป็นรถ 3 Series ที่ได้กระแสตอบรับดีขึ้นไปอีกจนสามารถทำยอดการผลิตสะสมได้กว่า 2.4 ล้านคัน ในตลอดอายุการตลาดตั้งแต่ปี 1982-1994 โดยมีสาเหตุสำคัญคือการปรับปรุงรถให้มีสมรรถนะดีขึ้น โดยเฉพาะการเปิดตัวครั้งแรกของรถตระกูล M3 ซึ่งมีความพร้อมซิ่งมากขึ้น มาพร้อมกับการควบคุมที่ดีกว่าเดิม และพละกำลังเครื่องยนต์ที่มากขึ้นกว่าเดิม จนกลายเป็นที่นิยมในการทำรถสนามสำหรับแข่งขันในรายการ Touring Car และ Rally

ถัดมา คืออีกรุ่นสร้างตำนานอย่าง E36 ซึ่งมาพร้อมกับการปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยเน้นการใส่ความสะดวกสบายจากตัวถังขนาดใหญ่ขึ้น และความหรูหราในการตกแต่งต่างๆที่มากกว่าเดิม ราวกับเป็นรถลีมูซีน
และในขณะเดียวกัน ทางฝั่งรถที่เป็นรหัส E36 M3 ยังมาพร้อมกับขุมกำลัง 6 สูบเรียงเป็นครั้งแรก ซึ่งเมื่อรวมกับการปรับแต่งช่วงล่าง และตัวถังต่างๆอีกหลายรายการ ทำให้มันมีสมรรถนะที่สามารถฟัดกับรถสปอร์ต Porsche 911 บางรุ่นในช่วงเวลาเดียวกันได้เลยทีเดียว แม้ว่าจะมีราคาถูกกว่ากันถึง 30%
นั่นจึงส่งผลให้รถรุ่นนี้สามารถทำยอดขายได้กว่า 2.7 ล้านคัน แม้ว่ามันจะมีฐานการผลิตอยู่ใน 3 ประเทศเท่านั้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, เยอรมัน, และ แอฟริกาใต้

เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายปี 1990 ก็เป็นอีกครั้งที่ BMW 3 Series มาสู่ยุคแห่งความสำเร็จ ด้วยการทำตลาดรถรหัส E46 ที่ยิ่งมีขนาดตัวใหญ่โตขึ้นมาอีก และมีลูกเล่นสุดหรูติดตัวมาอีกมากมาย และที่ขาดไม่ได้คือตัวรถรุ่น M3 ซึ่งจะมีความโดดเด่นในเรื่องสมรรถนะองค์รวมเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะด้านการควบคุม, ขุมกำลัง, และงานประกอบ
จนถึงตอนนี้ผ่านเวลาไปเกือบ 30 ปี หลายคนไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ยังนึกถึงมัน และในช่วงเวลาที่รถยังทำตลาดอยู่ก็สามารถทำยอดการผลิตสะสมไปได้กว่า 3.2 ล้านคัน แม้ว่าฐานการผลิตของรถรุ่นนี้จะเหลือแค่เพียง 2 ประเทศเท่านั้น ในคือในบ้านเกิดที่เยอรมัน กับ แอฟริกาใต้

ถัดมา เมื่อเข้าสู่ยุคตัวถังรหัส E9X (E90,E91,E92,E93) ก็เป็นอีกยุคที่รถรุ่นนี้ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน จากทั้งหน้าตาที่มีความสวยงามลงตัวไม่แพ้รุ่นพี่ และยังมีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงการอัพเกรดสมรรถนะต่างๆให้ทันสมัยกว่าเดิม โดยเฉพาะเครื่องยนต์ที่คราวนี้มีการบรรจุรุ่นขุมกำลังเบนซินเทอร์โบเข้าไป
ขณะเดียวกันในรุ่น M3 ก็มีการเล่นใหญ่ไม่แพ้กัน เพราะมาพร้อมกับขุมกำลัง V8 4.0 ลิตร ซึ่งมีความโดดเด่นทั้งในเรื่องพละกำลังมหาศาลไม่แพ้ใครในยุค แถมยังมีเรื่องของสุ้มเสียงอันไพเรา และยังมีรุ่นย่อยพิเศษต่างๆให้ลูกค้าได้ซื้อเก็บอีกเพียบ จึงทำให้มันกลายเป็นรถอีกหนึ่งโมเดลที่ได้รับความนิยมไม่แพ้รุ่นพี่ และจนตอนนี้ก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่พยายามตามหารถเพื่อครอบครองไว้ในมือตามความฝันวัยเด็กของตนเองเช่นกัน

จากนั้น จะเป็นการเปลี่ยนรหัสรถสู่แพลตฟอร์มใหม่ ที่ไม่ใช่ตัวอักษร E อีกต่อไป โดยคราวนี้ จะมีทั้งรหัส F30/F31/F34/F35 ขึ้นอยู่กับว่าลูกค้าจะต้องการใช้งานรถรูปทรงไหน ระหว่าง ซีดาน, ทัวร์ริ่ง (วากอน), แกรนด์ทัวร์ริสโม,หรือซีดานฐานล้อยาว เว้นเพียงหากคุณอยากได้ตัวรถร่างคูเป้ คุณก็ต้องไปเล่นรถรหัส 4 Series แทน ตามการจัดสารบบผลิตภัณฑ์ใหม่ของ BMW หลังปี 2011 เป็นต้นมา
จนกระทั่งเมื่อถึงปี 2018 ก็เป็นอีกครั้งที่รถ BMW 3 Series ได้รับการปรับโฉมครั้งใหญ่ สู่ความทันสมัยยิ่งกว่า พร้อมกับการเปลี่ยนรหัสตัวถังเป็น G2X โดยมีทั้งรุ่นตัวถัง G20/G21 ที่ยังคงเป็นร่างที่ใช้ขุมกำลังสันดาปภายในต่อไป กับรุ่น G28 ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้ขุมกำลังพลังงานไฟฟ้าครั้งแรกของรถซีรีย์นี้ และเป็นอีกครั้งที่มันก็ได้กระแสตอบรับกลับจากชาวโลกค่อนข้างดีเลยทีเดียวเช่นกัน

แน่นอน ว่าตำนานของรถยนต์ BMW 3 Series จะยังไม่จบลงง่ายๆ และในเร็วๆนี้ เราก็จะได้เป็นเรื่องราวบทใหม่กันแล้ว เมื่อทาง BMW ระบุว่าพวกเขาจะมีการเปิดตัวรถ BMW i3 เจเนอเรชันใหม่ ภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2026
โดยที่รถรุ่นนี้จะถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Neue Klasse ซึ่งทางค่ายระบุว่ามันจะมีความโดดเด่นทั้งในเรื่องของงานออกแบบ การขับขี่ และที่สำคัญคือเรื่องเทคโนโลยีระบบขุมกำลังที่สาวกยานยนต์พลังงานไฟฟ้าต้องตื่นตาตื่นใจกับมันแน่นอน รอชมกันได้เลย








