Home » Ford Ranger Super Duty เจาะลึกวิศวกรรม ปรับอะไรบ้าง
Blog Buster บทความ

Ford Ranger Super Duty เจาะลึกวิศวกรรม ปรับอะไรบ้าง

ฟอร์ด เป็นแบรนด์ที่พยายามอย่างหนักในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดกระบะเสมอมา ในปีหน้าทางฟอร์ดมีแผนแนะนำ Ford Ranger Super Duty วางจำหน่ายในออสเตรเลีย และ รวมถึงประเทศไทย

ด้วยความมุ่งมั้นตั้งใจว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ประเทศไทยไม่เคยมีขายมาก่อน

Ford Ranger Super Duty

ก่อนอื่นให้เข้าใจตรงกัน รหัส “Super Duty” ไม่ใช่เรื่องใหม่ในตลาดอเมริกา ชื่อของมันถูกพัมนาเืพ่อสนองตลาดต้องการรถกรำงานหนักใช้งานทนทาน สำหรับคนต้องการความพิเศษกว่ารถกระบะทั่วไป

รหัสนี้เดิมทีขายในตระกูล F-Series การขยายมาถึงตัว Ranger นับเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ​ ทางฟอร์ด กล่าวว่าพวกเขาศึกษาความต้องการลูกค้ามาระยะหนึ่ง และพบว่าตลาดนี้มีความต้องการอยู่บ้าง

ส่วนที่น่าสนใจของ Ford Ranger Super Duty ไม่ใช่ เรือนร่างภายนอก แต่คือจิตวิญญาณตัวรถ ออกมาแตกต่างไม่เหมือนกับกระบะคันไหน

ตามข้อมูล ที่ออกมาก่อนหน้านี้ ทางฟอร์ด เผยว่ารถคันนี้สามารถทำงานหนัก โดยมีน้ำหนักรถรวมบรรทุกสูงสุด 4,500 กิโลกรัม สามารถลากจูงได้ 4,500 กิโลกรัม และสามารถทั้งแบกทั้งลากได้สูงสุด 8,000 กิโลกรัม เป็นความสามารถไม่ธรรมดา

อัพเกรด แชสซี

การจะทำให้รถมีความสามารถเพิ่มขึ้น หลายคนอาจมองง่ายๆว่าก็แค่อัพเกรดช่วงล่างก็น่าจะเพียงพอ แบบที่กระบะคอกนิยมทำ และใช้ในการแบกหาม

Ford Ranger Super Duty

แต่ในทางวิศวกรรมเมื่อต้องบรรทุกหนักสิ่งที่ต้องทำ และควรให้ความสำคัญ คือ แชสซีตัวรถ ทางทีมวิศวกรอัพเกรดความหนาของของแชชสซีทั้งเส้น และเสริมความแข็งแรงเพิ่มเติมในจุดรับแรงโดยเฉพาะ จุดติดตั้งระบบกันสะเทือนต่างๆ เพื่อให้สอดรับในการลากจูง

ไม่เพียงเท่านี้ ยังเพิ่มจุดติดตั้งกันชนหน้า และพ่วงท้ายเข้ากับแชสซีโดยตรง เพื่อทำให้รถรองรับการปะทะหรือกระแทกได้สพหรับการลากจูงเพื่อให้รถสามารถลากจูงได้อย่างมีประสิทธิภาพในใช้งาน และสามารถลากจูงน้ำหนักพ่วงมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ช่วงล่างใหม่หมดต่างจากผองเพื่อน

ทางด้านระบบกันสะเทือน เป้นไฮไลท์ที่วิศวกรให้ความสำคัญในกระบะแกร่งคันนี้ แม้ในหลักการมันจะเป็นระบบกันสะเทือน ระบบปีกนกอิสระ 2 ชั้น ทางด้านหน้า และด้านหลังยังใช้ชุดแหนบหลายแผ่นซ้อน ตอบสนองความสามารถในการใช้งาน

แต่ความจริง ระบบช่วงล่างรถคันนี้ได้รับการปรับปรุงใหม่แทบทุกชิ้น เริ่มจาก

ชุดปีกนกและคอม้าทางด้านหน้าพัฒนาโดยใช้วิธีการขึ้นรูปแบบอลูมิเนียมฟอร์จ และเพิ่มความหนากว่ากระบะเรนเจอร์ปกติ เพื่อรองรับการใช้งานหนัก

โดยปีกยกล่างถุกปรับจุดยึดให้ยกสูงเพื่อสอดรับกับการใช้งานในเส้นทางออฟโรดที่มีความสมบุกสมบัน ป้องกันการกระแทกระหว่างการใช้งาน

ช่วงล่างหลังแหนบหลายแผ่นซ้อน ถูกปรับปรุงใหม่ ในแต่ละแผ่นจะมีความหนามากกว่าและยาวกว่ากระบะทั่วไป ทำให้รองรับน้ำหนักบรรทุกได้ดี

ความยาวที่มากขึ้นทำให้ล้อหลัง มีความสามารถในการสัมผัสพื้นมากขึ้นในระหว่างเส้นทางลุย ช่วงให้ผ่านอุปสรรคในเส้นทางสุดโหดไปได้อย่างสบาย

ชุดโช๊คเอง แตกต่างจากเพื่อนเรนเจอร์รุ่นปกติ โดยมากทางฟอร์ด จะแนะนำชุดโช๊ค Mono tube แต่ Ranger Super Duty กลับได้ชุดโช๊ค Twin Tube ติดตั้งเข้ามา โดยตัวโช๊ค มาพร้อมแกนขนาดใหญ่กว่ารุ่นปกติ และมีระยะยืดยุบเพิ่มกว่าปกติราวๆ 200 มม.

ช่วยให้ในเส้นทางลุยมีความสามารถในการรับแรงกระแทกได้ดีกว่ามาก แม้จะใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ

ระบบส่งกำลังปรับใหม่ รับงานหินเพิ่มขึ้น

และแน่นอนอีกจุดที่ต้องปรับปรุงสำคัญ คือระบบและส่วนเกี่ยวเนื่องกับการส่งกำลัง จะต้องถูกปรับปรุงเพิ่มเติมจากรุ่นปกติ

แม้ว่าทางฟอร์ดจะประกาศว่า รถคันนี้จะมาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ดีเซล และเกียร์ออโต้ 10 สปีดที่คุ้นเคย แต่ความจริง มันแตกต่างด้วย

การออกแบบชุดส่งกำลังขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ Transfer Case ใหม่รองรับการกรำศึกหนึกในการใช้งาน โดยมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นปกติ

ในส่วนของชุดเกียร์ขับเคลื่อน ยังตัดโหมดขับเคลื่อนสองล้อออกไปลูกค้าจะได้เพียงโหมดขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น ไม่ว่าจะ 4A ขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ และสามารถแปรผันได้ในการใช้งานจริง รวมถึง 4H และ 4L

นอกจากนี้, เพลาขับทางด้านหน้า และทางด้านหลัง ได้รับการปรับปรุงใหม่ ให้มีความแข็งแรงกว่ารุ่นปกติ รวมถึงชุดเฟืองท้ายหน้า-หลัง ที่มีขนาดใหญ่ใหญ่ขึ้น และมีดิฟล็อคให้ ทั้งทางด้านหน้า และ หลัง ด้วย

ที่สำคัญชุดล้อยังอัพเกรด เป็นล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมน๊อตล้อ8 ตัว รวมถึงใช้วัสดุน๊อตล้อเหล็ก เพื่อความแข็งแรงมั่นใจในการใช้งาน ช่วยกระจายน้ำหนักและลดโอกาส เกิดความเสียหายกับดุมล้อในระหว่างการขับขี่

พร้อมลุยหนักมากกว่า

สิ่งสำคัญอีกอย่างของ Ford Ranger Super Duty คือ ความพร้อมในการลุยมากกว่า เริ่มจาก

ติดตั้ง ยาง All Terrain ขนาด 33 นิ้ว General Grabber ขนาด 275/70/R 18 และด้วยการออกแบบและแชสซี รวมถึงระบบกันสะเทือน ทำให้รถมีความสูง จากพื้นถึงท้องรถ สูงถึง 299 มม. (ในรุ่นสี่ประตู สูง 295 มม.)

Ford Ranger Super Duty

นอกจากนี้ยังสามารถลุยน้ำได้สูงสุด 850 มม.​เทียบเท่ากับ Ford Ranger Raptor

ที่น่าสนใจกว่านั้น ทางฟอร์ด ยังออกแบบกันชนหน้า ยึดตรงเข้ากับแชสซีเพื่อรองรับการปะทะ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวรถในเส้นทางออฟโรด

รวมถึง ยังติดตั้ง โหมดการขับขี่เพิ่มเติมอีก2โหมดจากรุ่นปกติ คือ โหมดทรายและโหมดหิน

Ford Ranger Super Duty

รถยังมาพร้อมระบบ Trail Control ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ในขณะขับขี่บนเส้นทางออฟโรด และยังมีระบบช่วยเลี้ยวบนทางออฟโรดหรือ Trail Turn Assist ทำให้วงเลี้ยวแคบมากเป็นพิเศษ

และสำคัญสุด ติดตั้งวัสดุกันกระแทกใต้ท้องพิเศษ ปกป้องจุดสำคัญ ได้แก่ เฟืองหน้า ,​เกียร์ และชุดส่งกำลัง ด้วยเหล็กหนา 3.6 มม.

สำหรับ Ford Ranger Super Duty เวอร์ชั่นไทย จะเปิดขายในต้นปีพ.ศ. 2569 โดยมาพร้อมตัวถัง DoubleCab และหัวเดี่ยว แชสซีสำหรับลูกค้าที่ต้องการนำไปต่อยอด ในการใช้งาน

จะเปิดราคาจำหน่ายเท่าไร ติดตามได้ในเร็วๆนี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.