ขุมกำลังดีเซล อาจเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์หลากหลายรุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มที่ต้องใช้แบกหาม บรรทุกหนัก จนหลายคนมองว่าไม่มีใครสามารถแทนที่ได้ง่ายๆ แต่ Toyota กลับมองว่ามันอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไปในอีกราวๆ 10 ปี นับจากนี้

เพราะจากข้อมูลล่าสุดโดย Sean Hanley รองประธานฝ่ายงานขายและการตลาดของ Toyota Australia เผยว่าจากการคาดการณ์ภายในบริษัท เครื่องยนต์ดีเซลจะสามารถทำตลาดได้อีกเพียงไม่เกิน 10 ปี หลังจากนี้เท่านั้น โดยมีขุมกำลังเบนซิน และไฮโดรเจนเข้ามาแทนที่
“เครื่องยนต์ดีเซลจะไม่ได้ไปต่อในอีกทศวรรษข้างหน้า, แต่ที่เหนือกว่านั้น คือผมคิดว่าขุมกำลังไฮโดรเจนจะเข้ามาแทนเครื่องยนต์ดีเซล” Hanley กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ CarExpert ถึงอนาคตของขุมกำลังดีเซลท่ามกลางสถานการณ์ที่ภาครัฐของประเทศออสเตรเลีย กำลังเข้มงวดเรื่องการปล่อยมลพิษมากขึ้นเรื่อยๆ
“ผมคิดว่ามันมีวัฒนธรรมบางอย่างของเครื่องยนต์ดีเซลในออสเตรเลีย (ที่จะทำให้มันยังเป็นที่ต้องการ), คือผมคิดว่าเครื่องยนต์ดีเซล ไม่ใช่ถึงกับไม่มีอนาคต แต่ในระยะยาว ผมมองไม่เห็นภาพเลยว่าเครื่องยนต์ดีเซลจะจำเป็นสำหรับการใช้งานในอนาคต, เพราะความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้น คือเครื่องยนต์เบนซินจะสามารถทำอะไรก็ได้แบบที่เครื่องยนต์ดีเซลทำ หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ”

ในช่วง 10 ปีนับจากนี้ “เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ และเบนซินเทอร์โบ จะยังคงมีบทบาท มีตลาดให้เล่นในออสเตรเลียในบางการใช้งานที่เฉพาะทางอยู่” Sean Hanley กล่าวต่อ
“แต่ในปี 2030 เป็นต้นไป โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ปี 2035 ผมเชื่อจริงๆว่าขุมกำลังไฮโดรเจนจะเป็นอนาคตของพวกเรา, และนั่นคือตอนที่ ผมคิดว่า คุณจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีเครื่องยนต์ดีเซล (ว่าจะอยู่หรือจะไป) และเราก็กำลังทำสิ่งนั้นสำหรับอนาคตกันอยู่”
“ทำไม(เครื่องยนต์ดีเซลถึงจะไม่ได้ไปต่อ)น่ะเหรอ ?, ก็ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงสะอาด, มันมีระยะทางในการใช้งานที่ดี, โครงข่ายพื้นฐานในการใช้งานขุมกำลังไฮโดรเจนจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้แน่นอน, มันจะมีความสะดวกสบายมากขึ้น, และสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น”

“ทุกคนต่างขยาดในพลังงานไฮโดรเจนจากรอบด้านในตอนนี้, เพราะ มันก็เหมือนกับเทคโนโลยีใหม่ๆอื่นๆ (ที่คนย่อมรังเกียจ หรือไม่สนใจในตอนแรก), เทคโนโลยีนี้ต้องใช้เวลา, ใช้โครงสร้างที่รองรับ, และแหล่งกำเนิดที่สะอาดจริงๆ” Hanley กล่าว
“เรามีแหล่งไฮโดรเจนที่สมบูรณ์ในประเทศนี้ ดังนั้นมันค่อนข้างน่าเศร้าที่ได้ยินเรื่องราวเหล่านั้น (ว่าไฮโดรเจนไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้), เพราะในความคิดผมแล้ว, มันคือโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่ประเทศนี้จะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ โดยเฉพาะในการเป็นแหล่งพลังงานและรวมถึงการนำมาใช้งานด้วย”
“ยังไงก็ตาม, ความเป็นจริงก็คือ เราได้ลงทุนไปเยอะมากในเทคโนโลยีไฮโดรเจน แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น, แต่มันไม่ใช่การลงทุนระยะสั้น” เพื่อบ่งบอกว่าทางแบรนด์มั่นใจจริงๆและมองไว้ยาวมากๆว่าเทคโนโลยีพลังงานไฮโดรเจนจะสามารถใช้งานได้จริงแน่นอนในอีก 10 ปีนับจากนี้
ทั้งนี้ นาย Hanley ดูเหมือนจะไม่ได้มีการจำกัดความว่า ขุมกำลังพลังงานไฮโดรเจนที่เขาพูดถึงอยู่ คือขุมกำลังรูปแบบใด
จึงมีความเป็นได้ว่า เจ้าตัวอาจจะเหมารวมทั้ง การใช้งานไฮโดรเจน ในแบบพลังงานสำหรับขุมกำลังไฟฟ้า Hydrogen Fuel Cell ที่ตอนนี้มีให้เห็นกันอยู่แล้วในรถยนต์ Toyota Mirai และยังรวมถึงการใช้งานในแบบแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์สันดาป ซึ่งเราก็เคยได้รับข้อมูลว่าทาง Toyota เองกำลังพัฒนาโปรเจ็กท์ลักษณะนี้ให้เห็นกันอยู่บ่อยครั้ง
แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพัฒนาขุมกำลังในรูปแบบใดใออกมา สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือเรื่องของโครงสร้างสถานี และการผลิตแหล่งพลังงานจากไฮโดรเจนนี้ให้สำเร็จก่อน เพราะถึงขุมกำลังจะดีขนาดไหน เป็นมิตรต่อโลกเท่าใด แต่ถ้าผู้ใช้เข้าถึงได้ยาก พวกเขาก็จะยังไม่เลือกใช้มันอยู่ดี