รถรุ่นใหม่ค่าย BYD ที่เตรียมจะเปิดตัวในอาเซียนครั้งแรกของโลกในเวอร์ชันพวงมาลัยขวานั่นก็คือ BYD SEAL 6 EV หรือ BYD QIN L EV

โดยมาเลเซียเปิดตัวเป็นที่แรกของอาเซียนและของโลกตัดหน้าเมืองไทยอย่างเป็นทางการสำหรับ BYD SEAL 6 EV ด้วยภายนอกทันสมัยสไตล์ ‘Dragon Face’
ตั้งแต่ไฟหน้า LED ดีไซน์เพรียวบางและกระจังหน้าชุบโครเมียมสีเงินขนาดใหญ่ กันชนหน้ามีช่องระบายอากาศ ช่องดักอากาศทรงสี่เหลี่ยมคางหมูพร้อม และ เซนเซอร์ช่วยจอด เส้นสายด้านข้างและหลังคาลาดลงที่ทันสมัยแบบพาโนรามา มือจับประตูดีไซน์เรียบเนียนกับตัวถังแบบยกก้าน กระจกรถครอบทับด้วยกรอบโครเมียมแบบโอเปร่า พอร์ตชาร์จ AC และ DC ที่บังโคลนหลังด้านขวา ไฟท้าย LED แนวยาวพร้อมตรา BYD กันชนหลังมีลิ้นสปอยเลอร์หลังในชุดกันชนดีไซน์กลมกลืนล้อและยางให้เลือกตั้งแต่ขนาด 17-18 นิ้ว
ภายในมาอย่างหรูด้วยแผงคอนโซลหน้าประกอบด้วยชุดมาตรวัดความเร็วแนวนอนขนาด 8.8 นิ้ว จอกลางแบบสัมผัสขนาด 12.8 กับ 15.6 นิ้วให้เลือก สามารถหมุนจอได้ ระบบเชื่อมต่อเครือข่าย DiLink รองรับการอัปเดตในรูปแบบ OTA เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน พร้อมลำโพง 6- 8 จุด เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติแยกอุณหภูมิซ้าย-ขวาพร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบกุญแจ NFC พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ที่ชาร์จมือถือไร้สาย
หัวเกียร์เป็นเกียร์คอที่พวงมาลัย คอนโซลกลางล้อมด้วยช่องแอร์ ที่ชาร์จมือถือไร้สาย ช่องเก็บของหลายจุด มาพร้อมที่วางแก้วขนาดใหญ่ 2 จุด พอร์ตชาร์จ USB ปรับโทนสีภายในเป็นสีดำผสมสีครีมเน้นความล้ำสมัย มีจอแสดงข้อมูลเหนือแผงคอนโซลหน้า W-HUD Head-up Display เบาะนั่งทรงสปอร์ต หุ้มหนังอย่างประณีต มีช่องเก็บของหลายจุดสามารถวางแก้วน้ำ เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางสำหรับคนขับและ 4 ทิศทางสำหรับคนนั่ง พร้อมระบบความจำสำหรับเบาะคนขับ
ระบายอากาศและอุ่นเบาะได้ เบาะหลังพับได้แบบ 60/40 มีพื้นที่สัมภาระด้านท้ายก่อนพับเบาะ 460 ลิตร และยังมีตู้เย็นแช่เครื่องดื่มและยังอุ่นความร้อนด้วยช่วงอุณหภูมิในการทำงานคือ -6 ถึง 50 องศาเซลเซียส
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลังให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิด 220 นิวตันเมตร จับคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต BYD Blade ที่มีความจุ 46.08 kWh วิ่งไกลสุด 470 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC และรุ่นท็อปแรงสุด 218 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร จับคู่กับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต BYD Blade 56.64 kWh วิ่งไกลสุด 545 กิโลเมตรตามมาตรฐาน CLTC
ชาร์จได้้ทั้งกระแสตรง DC 30-80% ภายใน 24 นาที รองรับการชาร์จสูงสุด 84 kW และ 103 kW ชาร์จกระแสสลับ AC รองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 7 Kw มีเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) สามารถจ่ายกระแสไฟได้ ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้
มีระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) พร้อมช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ พร้อมโหมดการขับขี่ทั้ง Economy/Sports/Comfort/Snow) และความปลอดภัย ADAS รอบคัน โดยเตรียมเปิดตัวที่มาเลเซีย 26 กันยานนี้