หลายคนอาจเข้าใจว่า Mercedes-AMG จะเลือกทำรถยนต์ไฟฟ้าแท้ๆคันแรกของแบรนด์เป็นร่างซุปเปอร์คาร์ ทว่า Mercedes-AMG GT XX Concept คันนี้ กลับมาพร้อมกับตัวถังแบบรถซีดาน ไว้ตบตีแบบเปิดหน้ากันตรงๆกับ Porsche Panamera ในอนาคตแทน

Mercedes-AMG GT XX Concept รถต้นแบบที่หลายคนเก็งไว้ว่ามันจะถูกทำร่างขายจริงออกมาในเร็วๆนี้ มาพร้อมกับรูปทรงแบบรถซีดานขนาดใหญ่ และใช้งานดีไซน์สุดล้ำ เริ่มจากด้านหน้าตัวรถ ที่ใช้กระจังหน้าแบบปิดทึบขนาดใหญ่กรอบตัด พร้อมแถบกระจังลายตั้ง และดวงไฟตัดหมอกที่มุมซ้าย กับมุมขวา ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามาคือเอกลักษณ์ที่หยิบยืมมาจากรถซุปเปอร์คาร์ในตำนานของแบรนด์อย่าง Mercedes C111 เช่นเดียวกับตัวถังสีส้ม
นอกนั้นตัวรถยังได้รับการติดตั้งลิปสปอยเลอร์หน้า ครีบรีดอากาศด้านข้างหน้าซุ้มล้อ ฝากระโปรงแบบมีช่องระบายอากาศจากใต้ท้องรถ แนวหลังคาแบบสปอร์ตแบ็ค ไร้กระจกบานหลัง ทำโป่งแก้มซุ้มล้อให้เห็นสัดส่วนเซ็กซี่เล็กๆ และด้านท้ายรถก็ยังทำทรงเป็นแบบท้ายตัดแบ่งโซนกรอบไฟท้ายโดนัท 6 ดวง ทางด้านบน กับชายล่างแบบมีครีฟดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ชัดเจน
และท้ายสุดคือชุดล้อ ที่มีตัวฝาปิดคาร์บอนแบบ Aero Wheel ซึ่งสามารถขยับระยะเข้า-ออกจากล้อได้ เพื่อคุมอัตราการไหลของลมเข้าสู่ซุ้มล้อให้เหมาะสม ว่าจะให้มันพัดเข้าไประบายความร้อนระบบเบรก หรือ ไหลผ่านจากแนวลำตัวรถออกไปเลยเมื่อขับบนทางตรงด้วยความเร็วสูง ช่วยให้รถทั้งคันมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ต่ำเพียง 0.198 Cd เท่านั้น

ด้วยความเป็นรถต้นแบบ ภายในห้องโดยสารจึงถูกตกแต่งด้วยความหวือหวาเต็มพิกัด ทั้งเบาะนั่งคาร์บอนแบบบัคเก็ทซีท ที่ถูกออกแบบโฟมรองรับแผ่นหลังและบั้นท้ายและต้นขา ให้รับกับตัวผู้นั่งอย่างดี ด้วยวิธีการแสกนลำตัวผู้นั่ง ซึ่งเป็นวิธีคิดเดียวกับการออกแบบเบาะนั่งสำหรับนักแข่งในการแข่งขันระดับโลก
โดยตัวโฟม หนังหุ้มเบาะ และคอนโซล จะถูกผลิตขึ้นจากวัสดุยางของตัวแข่ง GT3 ที่ถูกนำมารีไซเคิล เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และทาง AMG ระบุว่าแค่ยางเพียงเส้นเดียว ก็มากพอแล้วสำหรับการนำมารีไซเคิลเป็นวัสดุตกแต่งห้องโดยสารของรถต้นแบบคันนี้ทั้งหมด
จากนั้นจะเป็นการตกแต่งห้องโดยสารด้วยไฟแวดล้อมสีส้ม จอกลางและจอแสดงผลข้อมูลตัวรถขนาดใหญ่เชื่อมต่อกรอบเป็นแผนเดียวกัน และพวงมาลัยหน้าตาคุ้ยเคยแต่มีกรอบแบบตัวแข่ง เพื่อเสริมอารมณ์รถสนามเต็มรูปแบบ
AMG Electric Architecture (AMG.EA) คือชื่อของแพลตฟอร์มที่ใช้ในการสร้างรถรุ่นนี้ และจะเป็นมาตรฐานให้กับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆของ AMG ที่จะตามมาในอนาคต โดยหากไม่นับเรื่องคุณสมบัติพิเศษของแพลตฟอร์ม ที่ทางค่ายยังไม่เผยออกมา
มันก็จะใช้ระบบการจ่ายไฟแบบ 800 โวลท์ พร้อมแบตเตอรี่ที่รองรับอัตราการชาร์จไฟด้วยกำลังสูงสุด 850 กิโลวัตต์ และยังสามารถรับอัตราการชาร์จไฟในระดับสูงได้กว้าง (ไม่ใช่รับเต็มแค่ช่วงแรกของการชาร์จแล้วค่อยๆลดความแรงลงเรื่อยๆ) ช่วยให้มันสามารถชาร์จไฟสำหรับการวิ่งด้วยระยะทาง 400 กิโลเมตร ภายในเวลาเพียง 5 นาที เท่านั้น
มอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้มา เป็นมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว แบ่งเป็นเอาไว้ขับเคลื่อนล้อหลัง 2 ตัว และล้อหลังอีก 1 ตัว ถูกควบคุมด้วยกล่องประมวลผล EDU 2 ชุด เพื่อคุมการกระจายแรงบิดไปขับเคลื่อนชุดล้อทั้ง 4 ให้มีความฉับไวและแม่นยำที่สุด โดยให้กำลังสูงสุดกว่า 1,360 แรงม้า PS
ระบบจัดการความร้อน มีทั้งระบบระบายความร้อนด้วยน้ำที่ระบบเกียร์ และระบบออยคูลเลอร์ที่มอเตอร์ โดยยังมีการใส่ระบบหล่อเย็นเข้าไปที่เซลล์แบตเตอรี่แบบหลอด แบบแยกเฉพาะเซลล์ต่อเซลล์ เพื่อให้การคุมอุณหภูมิแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพสูงสุด รองรับได้แม้กระทั่งการใช้งานในสนามแข่งขันเป็นระยะเวลานานๆ (หากไฟแบตฯไม่หมดไปเสียก่อน)
และเพื่อให้ผู้ใช้ยังได้สัมผัสกลิ่นอายความเป็นรถสันดาป จึงทำให้แม้มันจะไม่ได้มีเครื่องยนต์หรือระบบเกียร์หลายสปีดถูกติดตั้งเอาไว้ แต่ตัวไฟหน้าแบบ Projector LED ที่อาจดูมีความดีงามแค่หน้าตา แท้จริงแล้วภายในเบ้าของมันมีการซ่อนลำโพงกำลังขับสูงเอาไว้ เพื่อให้มันสังเคราะห์เสียงเครื่องยนต์ V8 ขึ้นมา อย่างน้อยก็เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมของผู้คนที่พบเห็นรถคันนี้ในสนาม
ส่วนภายในห้องโดยสารเอง ก็จะมีการติดตั้งชุดแป้นแพดเดิ้ลชิฟท์เข้ามา ซึ่งอาจมีไว้เพื่อใช้กับลูกเล่นระบบเกียร์จำลองเหมือนที่อยู่ใน Hyundai Ioniq 5 N ก็เป้นได้ เว้นเสียแต่ว่าท้ายที่สุดมันจะเป็นแค่ตัวปรับระดับความหน่วงของระบบ Kers ก็เท่านั้น