ประเดิมขายร่างแรกสุดด้วยสีแดง ตามด้วยสีเหลือง และสีเงิน เมื่อปี 2024 ต่อมาในปี 2025 ก็มีการเพิ่มตัวถังสีเบจให้เลือก ล่าสุดสำหรับปี 2026 เราจะได้เห็น MG Cyberster สี 3 เฉดสีใหม่ ทั้งสีเทา, สีเดียว, และสีดำ

2026 MG Cyberster ถูกเปิดตัวครั้งแรกในประเทศจีน โดยมีแผนว่าจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน นี้ เป็นต้นไป โดยความสดใหม่ของรถในครั้งนี้ ก็จะอยู่ที่การเพิ่มเฉดสีทางเลือกใหม่ ให้ลูกค้าสามารถแสดงความเป็นตนเองได้มากขึ้น ด้วยเฉดสีเทา Andes Gray ซึ่งเป็นคนละโทนกับสีเงิน Bullet Silver ที่มีขายมาตั้งแต่แรก
ตามด้วยสีเขียว Iris Green ซึ่งจะเป็นสีโปรโมทประจำปี และหลายคนอาจคุ้นหน้าคุ้นตากันบ้างแล้ว เพราะทางค่ายเคยใช้สีนี้ เป็นสีตกแต่งรถ MG Cyberster GTS Concept หรือต้นแบบ Cyberster รุ่นหลังคาแข็ง ซึ่งเปิดตัวเมื่อกลางปี 2024 มาก่อนแล้ว
ปิดท้ายด้วยตัวรถสีดำสนิท รุ่น Black Edition ที่จะทำสีชิ้นส่วนตัวถังรอบคันเป็นสีดำทั้งหมด แต่จะได้ล้อสีเงินทั้งชิ้นเสริมเข้ามาเพื่อตัดโทน
นอกนั้นโทนสีการตกแต่งภายในห้องโดยสาร ลูกค้าก็สามารถเลือกโทนสีใหม่ได้เช่นกัน ทั้ง สีดำ, สีเทา, สีขาว, และสีแดง โดยทาง MG ยังได้มีการเพิ่มตัวตัดลมเหนือหลังคาเข้ามาเพิ่ม เพื่อลดเสียงรบกวนจากลมในห้องโดยสารขณะผู้ใช้เปิดประทุนขับรถ และเพิ่มตัวซัพพอร์ทหลังไฟฟ้า หรือ Lumbar Support มาให้แล้วในเบาะนั่งทั้งฝั่งผู้ขับและผู้โดยสารด้านข้าง
นอกจากการปรับโทนสีตัวรถทั้งภายนอกและภายใน ทาง MG ยังระบุอีกว่า ตัวรถ Cyberster รุ่นใหม่ จะได้รับการปรับปรุงเรื่องของพื้นที่เก็บของที่มากขึ้น, เพิ่มระบบ “Convertible Counter Function” เข้าไป ซึ่งในตอนนี้ยังไม่มีใครรู้ว่ามันทำงานยังไง, เพิ่มระบบเสียงเอฟเฟ็กท์ในการใช้งานใหม่, ปรับปรุงระบบรับคำสั่งเสียงให้ทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
และยังมีการปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่, เพิ่มระยะทางในการใช้งาน จากการปรับปรุงระบบจัดการพลังงานใหม่ ซึ่งต้องรอดูกันต่อไปว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน จจากตอนนี้ที่มีตัวเลขระยะทางในการใช้งานต่อชาร์จ ที่ 501 – 580 กิโลเมตร/ชาร์จ แล้วแต่ว่าจะเป็นรุ่น Standard Range หรือ Long Range บนมาตรฐาน CLTC
ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ายังคงมีกำลังขับเท่าเดิม ทั้งรุ่นมอเตอร์เดี่ยวกำลังสูงสุด 340 แรงม้า PS และมอเตอร์คู่กำลังขับ 544 แรงม้า PS ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนใดๆ เว้นเสียแต่ว่าอาจจะมีการปรับอัตราการตอบสนองของมอเตอร์ต่อคันเร่งใหม่นิดหน่อยก็เท่านั้น
ด้านราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ยังไม่มีการเผยออกมา แต่คาดว่าจะไม่ได้เพิ่มไปจากเดิมมากนัก ส่วนลูกค้าในต่างประเทศอาจจะต้องรอกันอีกสักหน่อย เช่นไทยเราเอง ก็อาจจะได้เห็นกันอีกทีภายในสิ้นปีนีั้ ไม่ก็ต้นปีหน้า