ในบรรดารถยนต์โลกยุคใหม่ นวัตกรรมรถยนต์ไฮบริดเสียบปลั้กเป็นโจทย์ที่บรรดาบริษัทรถยนต์ชั้นนำหลายรายต่างตอบสนองก่อนก้าวเข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า รถเหล่านี้อาจจะถูกมองว่าเป็นรถที่เกิดขึ้นมาประหยัดรักษ์โลก หากแท้ที่จริงสมรรถนะของมันก็ดูจะดุเด็ดเผ็ดมันไม่แพ้กัน และเราเพิ่งได้สัมผัส Porsche Panamera 4 E Hybrid Sport Turismo รถปอร์เชดีกรีเสียบปลั้กใหม่ที่เพิ่งมาถึงบ้านเรา
Porsche Panamera 4 E Hybrid Sport Turismo เป็นรถที่ถูกพัฒนาต่อเนื่องหนึ่งในซีรีย์ Porsche Panamera Sport Turismo จากเจ้ากบซีดานสุดหรู Porsche Panamera ด้วยยอดขายที่ดีมาตั้งแต่ปี 2009 ทำให้รถรุ่นนี้เป็นรถที่มียอดขายมากติดอันดับท๊อปลิสของบริษัท ยิ่งบางคนมองว่า รถยนต์ที่พวกเขาใช้จะต้องครอบคลุมความต้องการ ในนามของ Porsche มันต้องแรง ดูดี มีความสปอร์ตทุกครั้งที่ป้ายคันเร่ง ทางปอร์เช่ จึงเห็นว่าน่าจะเป็นการดี ถ้าจับส่วนผสมความแรงมาพัฒนา Porsche Panamera สรรค์สร้างที่ไม่เพียงแต่หรูหากยังสปอร์ตดูดีอีกด้วย
ท่ามกลางอากาศร้อนย่านชาญเมือง Porsche Panamera 4 E Hybrid Sport Turismo กำลังรอผมอยู่ในสนามปุทมธานี สปีดเวย์ การออกจากบ้านยามกลางวันตรงดิ่งไปยังสนามแข่งรถใกล้กรุงเทพทำให้ใจตื่นเต้น ผมเคยได้ยินชื่อเสียง Sport Turismo มาพักใหญ่ มันแรงเร้าใจ และเมื่อคุณเอ้ยคำว่า “สปอร์ต” จากปอร์เช่ มันย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว พวกเขาเป็นยอดกระบี่มือหนึ่งในเรื่องนี้ แต่สิ่งเดียวที่คิดไม่ตก คือมันจะออกมาเป็นอย่างไร เมื่อเจอโจทย์กบยักษ์ 4 ประตูเข้าไป
เจอหน้าครั้งแรก Porsche Panamera 4 E Hybrid Sport Turismo ทักทายผม ด้วยหน้าตาความสปอร์ต พร้อมเอกลัษณ์หน้ากบทรงปราดเปรียวตามสไตล์ Porsche รุ่นใหม่ ทรวดทรงด้านข้างดูเรียบง่าปราดเปรียวและดูภูมิฐาน มาพร้อมไฟท้ายทรงยาว ดูเหมือนยกมาจากรุ่น 911 สปอร์ตในตำนานตัวท๊อปของค่าย ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า แถมยังมีสปอร์ยเลอร์หลังคาสุดล้ำ Porsche Active AeroDynamic สามารถทำงานปรับองศาตาโปรแกรมควบคุม เมื่อรถวิ่งเกินความเร็ว 50กิโลเมตร จะปรับมุมสปอร์ยเลอร์ – 7 องศา และจะปรับ +1 องศา เมื่อคุณทำความเร็วมากว่า 170 ก.ม./ช.ม.ขึ้นไป
ด้วยความยาวตัวรถถึง 5,049 มม. กว้าง 1,937 มม. สูง 1,428 มม. มาพร้อมระยะฐานล้อยาว 2,950 มม. ติดตั้งมาตรฐานพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว เจ้ากับยักษ์คันนี้ดูสง่าผ่าเผยภูมิฐาน สมความเป็นอัครยอดรถซีดานหรู ภาพรวมมั่นดูสปอร์ตเตะตา และยังทรงความหรูหราในฉบับเยอรมัน
ผมเปิดประตูก้าวลงเบาะนั่ง เจ้า Porsche Panamera 4 E Hybrid Sport Turismo ก่อนจะทดลองขับอีกมี่อึดใจ ทางปอร์เช่จัดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ชุดปุ่มต่างๆ ที่เคยมีมากมายและดูคุ้นตาถูกเปลี่ยนเป็นปุ่มลักษณะปุ่มสัมผัสหมดสิ้น
มันช่วยให้ดูไม่รกหูรกตา และยังดูดีมากขึ้นในแง่การตบแต่ง ด้วยการผสานการออกแบบสไตล์เปียโน แบล็ค เข้ามาเพิ่มความดูดีมากยิ่งขึ้น
ชุดปุ่มตรงกลาง ทำหน้าที่หลายอย่าง ปรับทังช่วงล่าง , เซทค่าโหมดการขับขี่ รวมถึงระบบปรับอากาศ Porsche เรียกปุ่มเหล่านี้ว่า sensitive Touch ภายในใต้แนวคิดการออกแบควบคุมรถโดยตรงหรือ Direct Touch แสดงผลการทำงานผ่านชุดหน้าจอขนาด 12.3 นิ้วเหนือคอนโซลกลาสง รวมถึงนี่ยังเป็นจอดที่ใช้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ และเป็นระบบความบันเทิงภายในรถ Porsche Communication Management
แรกๆ คุณอาจจะรู้สึกแปลกๆ ที่รถไม่ปุ่ม แลดูใช้งานลำบากสักหน่อย โดยเฉพาะเมื่อนับว่าคนจะซื้อรถระดับนี้เป็นคนที่มีอุสักหน่อย น้อยมากที่จะเป็นคนวัยรุ่นประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
ชุดคำสั่งต่างๆ ค่อนข้างจะซับซ้อนในการใช้งาน มันยากกว่าการใช้ปุ่มในระดับหนึ่ง แต่เมื่อคุณเรียบรู้ก็จะใช้งานง่ายและสะดวกขึ้น ต้องให้เวลาปรับตัวสักหน่อย อย่าแปลกใจที่ในช่วงแรก คุณจะเหมือนนั่งโง่ในรถงมโข่งหาอะไรไม่เจอ จนรู้สึกชีวิตวุ่นวาย
ตรงหน้าคนขับ Porsche ติดตั้งเรือนไมล์ขนาดใหญ่ 5 ช่อง ใหญ่สุด คือเข็มมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ พร้อมหน้าจอบอดสถานะในการขับขี่ทางขวามือ
วงพวงมาลัยออกแบบมาคล้ายกับ Porsche 911 พอสมควร มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงต่างๆ ให้ได้ใช้ระหว่างการขับขี่ ส่วนเบาะนั่งค่อนข้างออกแบบมาใหญ่ แต่โอบกระชับมีความรู้สึกคล้ายคุณนั่งเบาะรถแข่ง ตัวเบาะหุ้มด้วยหนังปรับด้วยไฟฟ้าตามต้องกา รเหลียวมองทางด้านหลัง Porsche Panamera 4 E Hybrid Sport Turismo ออกแบบที่นั่งให้เป็นลักษณะ 4+1 Porsche เผยว่ารุ่นนี้มีการปรับปรุงพื้นที่สัมภาระท้ายภายในห้องโดยสาร ด้วย
ใต้เรือนร่างยอดอัครซีดาน Porsche นำเสนอสมรรถนะการขับขี่ผนวกกับความทันสมัย Porsche Panamera 4 E Hybrid Sport Turismo ติดตั้งมาพร้อมเครื่องยนต์ V6 ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมระบบ เทอร์โบชาร์จ ตัวเครื่องยนต์อย่างเดียวให้กำลังถึง 330 แรงม้า สูงสุดระหว่าง 5,250 -6,500 รอบต่อนาที
มันถูกผูกรวมเข้ากับชุดมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมแบตเตอร์รี่ที่ทำให้เจ้ากบคันนี้สามารถเสียบปลั้กชาร์จไฟฟ้าที่บ้านได้ เสริมเติมทั้งสมรรถนะและความประหยัด จนกำลังรวมของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าสูงถึง 462 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ Porsche PDK 8 สปีด พร้อมระบบ Porsche Active All Wheel Drive
จะว่าไปเจ้ากบยักษ์คันนี้ มันไม่ต่างจากรถสปอร์ตดีๆ หนึ่งคัน ด้วยอัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ในเวลา 4.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 275 ก.ม.-ช.ม.
ตัวเลขอัตราเร่งไม่ถึง 5 วินาที เป็นจุดสำคัญที่ทำให้ผมประหลาดใจ คุณคิดว่ามันเป็นไปได้ไหม
ในเวลานี้ผมกุมพวงมาลัยแน่น เราอยู่ในสถานีทดสอบอัตราเร่ง ทางตรงโดยระยะด้วยสายตาไม่น่าเกิน 300 เมตร ผมรอเสียงครูฝึกว่าไป จะกระแทกคันเร่งให้หนำใจ หัวใจเต้นระรัว นี่คือ Porsche เฉียด 10 ล้าน ที่คุณไม่ควรจะทำเรื่องบ้าบอ ห่ามๆ กับมัน
และแล้ว เสียงสวรรค์ จากข้างๆ ผมก็มา “ไป….!!!” คำเดียวเท่านั่น ผมเหยียบคันเร่งติดพื้น เจ้ากบยักษ์ 5 เมตร พาผมออกตัวหน้ายกแบบไม่เกรงใจใคร ซุ่มเสียงเครื่องยนต์แผดแบบไม่อายว่า นี่คือสปอร์ตซีดาน แรงดึงหนีศูนย์พาผมหลังติดเบาะ ผมรู้สึกว่ามันหนักกว่าตอนนั่งเครื่อง Boing 787 ออกตัวไปญี่ปุ่นเสียอีก มันทำให้ผมอมยิ้มไม่น้อย ซุฮกในความแรงของระบบไฮบริดและเครื่องยนต์ในรถคันนี้
แต่เวลานี้สุดทางตรง เป็นโค้งหักเปลี่ยนเลน ลองจินตนาการว่า คุณกำลังฮ้ออย่างเต็มที่ และมีสิบล้อดันทะเล่อกลับรถออกมาทางขวาของคุณ จังหวะนี้เป็นจุดที่เราทดสอบการทรงตัวของรถเมื่อต้องเบรกแล้วหักหลบอย่างฉุกเฉิน
Porsche Panamera 4 E Hybrid Sport Turismo ยิ่งพาผมแปลกใจเมื่อเราสามารถเบรกและหักหลบได้อย่างสบาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ จัดความเร็วมาอย่างเต็มที่จนทะลุความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถควบคุมได้ง่ายมาก ขนาดความยาวตัว 5 เมตร ของมันไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด ด้วยระบบ Rear Axel Steering ที่สามารถเลี้ยวล้อหลังได้สูงสุด 2.8 องศา ช่วยให้รถคล่องตัวยิ่งขึ้น
หลังจากผ่านประสบการณ์เร่งเต็มบาทา และหักหลบเสี่ยงตาย ผมมาถึงสถานีต่อไป เป็นการขับด้วยความเร็วในสนาม จำลองภาวการณ์ขับขี่เส้นทางประเภท Winding Road ตัวรถที่ใหญ่และกว้างของรถ ดูน่าจะอุ้ยอ้ายเข้าโค้งไม่ดีเท่าที่ควร มันน่าจะเป็นรถที่เกิดมาเพื่อขับสบายๆ มากกว่าพร้อมซิ่ง ในรอบแรก ผมขับให้ชินไลน์สนามก่อน มันขับได้นิ่มนวลเกินคำบรรยาย พวงมาลัยตอบสนองดี เวลาขับสบายๆ มันเหมือนพรมวิเศษนั่งได้อย่างนิ่มนวล
ในรอบต่อมา ทางครูฝึกปรับช่วงล่างให้ผมเป็นโหมสปอร์ต รถจะย่อตัวลงจากตำแหน่งปกติ 28 มม. ทางด้านหน้าและ 20 มม. ทางด้านหลัง เพิ่มความมั่นใจในการเกาะถนนมากขึ้น
ชุดโช๊คอัพถุงลมใน Porsche Panamera 4 E Hybrid Sport Turismo มีการปรับสมรรถนะให้ดีขึ้น โดยเพิ่มพื้นที่กักอากาศเป็น 3 ห้อง จากเดิม 2 ห้องต่อโช๊คอัพ หรือมีพื้นที่มากกว่าเดิมประมาณ 60%
เมื่อขับในโหมดสปอร์ต ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน แม้ใช้ความเร็วมากขึ้น แต่รถจะหน้าจิกเข้าโค้งมากขึ้น เราทำความเร็วได้มากขึ้นในโค้ง รถดูมั่นใจในการขับขี่ ไม่เว้นกระทั่งในสถานีสลาลอม Porsche Panamera 4 E Hybrid Sport Turismo ดูจะคล่องแคล่วยิ่งขึ้น ถึงจะเป็นรถคันโต ที่ดูไม่น่าคล่องตัวก็ตาม
เจ้ากบยักษ์คันนี้พาผมแปลกใจในความปราดเปรียวคล่องตัวของมัน เมื่อมองถึงความสง่างามภูมิฐานของตัวรถ และระบบขับเคลื่อนแรงจัดประหยัดจริง มันสามารถขับด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนด้วยระยะทางสูงสุด 51 กิโลเมตร (ปอร์เช่ ประเทศไทย เคลมที่ 40 กิโลเมตร) และทำความเร็วได้สูงสุด 140 กิโลเมตร ใช้เวลาชาร์จไฟฟ้าจนเต็มที่แรงดัน 230 โวลต์ 10 แอมป์ ในเวลา 6 ชั่วโมง
จะว่าไป Porsche Panamera 4 E Hybrid Sport Turismo เป็นรถที่ผมก้าวลงมาแล้วรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ขับมัน ค่าตัว 9.5 ล้านบาท มองในภาพรวมมันคุ้มค่าครบเครื่องเกิดคำบรรยาย มันทั้งประหยัง มีความทันสมัยเปี่ยมด้วยความสปอร์ต และขับสนุกแบบ Porsche
ถ้าผมจะต้องซื้อรถในราคาระดับนี้ … ในเวลานี้ Porsche Panamera 4 E Hybrid Sport Turismo คงเป็นตัวเลือกที่ผมมองและจับจองเป็นเจ้าของ
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง นักทดสอบรถยนต์ และ คอลัมนิสต์ เว็บไซต์ Ridebuster.com ติดตามผลงานการเขียน และข้อมูลที่น่าสนใจได้ทาง Facebook
ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com
[ngg_images source=”galleries” container_ids=”476″ display_type=”photocrati-nextgen_basic_thumbnails” override_thumbnail_settings=”1″ thumbnail_width=”200″ thumbnail_height=”160″ thumbnail_crop=”1″ images_per_page=”20″ number_of_columns=”3″ ajax_pagination=”1″ show_all_in_lightbox=”0″ use_imagebrowser_effect=”0″ show_slideshow_link=”0″ slideshow_link_text=”[Show slideshow]” order_by=”sortorder” order_direction=”ASC” returns=”included” maximum_entity_count=”500″]