ช่วงนี้หลาายคนอาจจะมอง รถยนต์ไฟฟ้าค่อนข้าง จะตอบโจทย์อย่างมาก หากซื้อมาใช้งาน น่าจะประหยัดค่าเดินทางได้มากโข แต่สำหรับใคร ที่ยังไม่มั่นใจว่า รถยนต์จากจีน แล้วมองว่า ญี่ปุ่นไม่มีรถยนต์ไฟฟ้า มาขาย นั่นไม่จริงเลย

ที่จริง ค่ายญี่ปุ่น น่าจะเรียกว่า เป็นกลุ่มแรกๆ ที่เข้ามาทำตลาดในบ้านเรา ต่อจากทางเกาหลี ก่อนทางค่ายจีน แต่ที่ผ่านมาไม่ค่อย ประสบความสำเร้จนักด้วยเหตุผลหลายอย่าง มาวันนี้เราจึงอยากจะแนะนำให้คุณรู้จัก 3 ขุนพลรถยนต์ไฟฟ้าที่มีขายในไทย แม้ว่า บางคัน อาจจะวางหมากให้เช่าก้ตามที

Nissan Leaf

นิสสัน น่าจะเรียกว่า เป็นขุนพลรายแรกที่เข้ามาทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ก่อนที่แบรนด์อื่นๆ จะเข้ามา รถ นิสสัน ลีฟ แนะนำ ทำตลาดมาตั้งแต่ปี 2018 และ ปัจจุบัน ก็ยังขายอยู่

Nissan Leaf เรียกว่า เป็นรถที่หลายคนมองข้ามไปทันที ด้วยราคาของมัน ค่อนข้างเอาเรื่อง สนนราคาอยู่ที่ราวๆ 1.9 ล้านบาท ณ วันที่เปิดตัว กับรถแบตเตอร์รี่ 40 Kwh รวมถึง มันยังมีประเด็นเรื่องหาที่ชาร์จยาก เนื่องจาก ดันใช้หัวแบบ Chademo เทียบกีับ รถยุโรป และรถจีน ที่ใช้หัว DC แบบ CCS Combo 2 ง่ายสบายใจกว่า

รวมถึง แบตเตอร์รี่ก็ยังเป็นแบตเตอร์รี่ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ขณะที่ไม่กี่เดือนต่อมา มีแบตเตอร์รี่ระบายความร้อนด้วยน้ำ ออกวางจำหน่าย จนกลายเป็นเทคโนโลยีตกยุคไป แทบจะในทันที เมื่อประกอบกับราคา คนก็ลืมมันไปเลย

และยิ่งลืมมันไปอีก ในช่วงโควิด จนทางนิสสัน ออกโปรใหญ่ไฟกระพริบ ทำราคาลดลงจนมาอยู่ที่ราวๆ 1.3 ล้านบาท

ถึงแม้ว่า หลายคนจะมองว่า นิสสัน ลีฟไม่น่าใช้แล้ว ยิ่งในยุครถยนต์จีน เข้ามาทำตลาดเกลื่อนเมือง อย่างวันนี้

แต่วันนี้ นิสสัน ลีฟ มือสอง มีราคาขายมือสองค่อนข้างถูก อยู่เพียงราาวๆ 4-5 แสนบาท เท่านั้น สำหรับรถมือสองล็อตแรง ทำให้มันกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าน่าใช้ขึ้นมาทันใด

รวมถึง นิสสัน ลีฟ ได้พิสูจน์ตัวเองในเรื่องการขับขี่ ทั้งระยะทางการขับขี่ที่ค่อนข้างมีความแม่นยำ ในเรื่องระยะทางคงเหลือ ไปจนถึง ความสามารถในการใช้งาน ครอบคลุมทุกพื้นที่ ยิ่งพวกเขาเคยให้ผู้สื่อข่าวลองขับ ขึ้นดอยอินทนนท์มาแล้วด้วย

เรียกว่า ไม่เคยมีประเด็นในการใช้งาน ยกเว้นเรื่องเดียว คือหาที่ชาร์จค่อนข้าง ซึ่งล่าสุด นิสสันยังเสนอขายรถรุ่นนี้โดยปรับหัวชาร์จจากเดิมมา เป็นหัวชาร์จ Type 2 แต่หัว DC ยัง เป็น Chademo เหมือนเดิม

ส่วนกำลังขับ ในหมู่รถยนต์ไฟฟ้าแบบ 5 ประตู มอเตอร์เดี่ยวก็เรียกว่า มากที่สุด ด้วยกำลังขับสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร

Toyota BZ4X

หลังจาก นิสสัน ก็ เป้นคิว ของ Toyota BZ4X ที่เข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการในช่วงปี 2022 และ เริ่มส่งมอบให้ลูกค้าชาวไทย จับจองเป็นเจ้าของกัน

แม้ว่า รถรุ่นนี้จะเป็นที่ทราบกันว่าไม่ได้ขายจำนวนเยอะมาก แต่ก็มีการส่งมอบเรื่อยๆ และ ปัจจุบัน ทางโตโยต้า ก็ไม่ได้ นำมันออกจากเว็บไซต์ ยังเป็นรถที่ขายอยู่ และ พอจะเห็นได้ตามท้องถนนในกรุงเทพมหานคร เป็นประจำ

ตัวรถออกแบบ มาเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกลางสำหรับครอบครัว นำเสนองานออกแบบสไตล์สปอร์ตพร้อมลุย ด้วยการร่วมงานกับ ซูบารุ

รุ่นที่ขายในไทย มีเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น คือ รุ่น ขับเคลื่อนสี่ล้อ ราคาเปิดตัว ที่ 1,836,000 บาท เป็นค่าตัว จนทำให้ยอดจองซื้อเยอะมาก จนโตโยต้า ตัดสนิใจใช้กระบวนการภายในคัดคนที่สนใจซื้อ

Toyota BZ4X

จนกลายเป็นกระแสว่า ขายให้ผู้ที่บารมีจริง จนโซเชี่ยลไม่มองว่ามันเป็นรถขายจริงจังอะไร และยังแซะตลอดว่า รถยนต์ไฟฟ้าญี่ปุ่นไม่มีขายในยุคนี้

อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะหาซื้อมือหนึ่งไม่ได้ แต่กับมือสองตอนนี้ เริ่มมีมาโพสขายกันบ้างแล้ว มีราคาตั้งแต่หลุดมือหนึ่งไปไม่มาก ก็มีให้ซื้อ

ด้วยรถที่มีจำนวนเข้ามาไม่มาก ขนาดใหญ่โดยสารสบาย ขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งค่ายจีน รถอเนกประสงค์ไฟฟ้าล้วนขับเคลื่อนสี่ล้อยังไม่มี รวมถึงความมั่นใจแบบ โตโยต้า

ใครตามหา ก็ลองสำรวจกันดู เผื่อ จะได้ลองของแปลก โคตรแรร์ไอเท็ม ของค่ายนี้ ที่สำคัญ รถคันนี้ ราคา 1.836 ล้านบาท นำเข้าญี่ปุ่นทั้งคัน นะครับ

Honda e:N1

คันนี้ไม่ขาย อยากได้ ก็ไปเช่าสิ นั่น คือ สิ่งที่ ฮอนด้า ตัดสินใจครั้งสำคัญ ในการบุกทะลวงฟันรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดวันนี้ การนำเสนอของฮอนด้าค่อนข้างมอบความแตกต่างจากที่เรารู้จักกันมายาวนาน ด้วยการปล่อยให้เช่าใช้ แทนการปล่อยขาย ด้วยเหตุผล ต่างๆ มากมาย

ตัวรถ Honda e:N1 จะพูดว่า มันคือ Honda HR-V ไฟฟ้า ก็พอได้ พูดไป ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก กับความรู้สึกทันทีที่เห็นหน้าค่าตัวตัวรถ

แต่จริงๆ ทางฮอนด้า จัดการอัพเดท โครงสร้างตัวรถเดิมให้รองรับการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้ และยังทำการปรับปรุง อีกหลายอย่าง อาทิ งานออกแบบภายใน ความสบายของเบาะนั่ง , วัสดุเก็บเสียงภายในรถ เพื่อทำให้รถออกมาดีที่สุด เท่าที่จะทำได้

ในภาพรวมเจ้า Honda e:N 1 แม้ว่าจะเหมือนกัน กับ Honda HR-V แต่ความจริงแล้ว มันค่อนข้างแตกต่าง กันมาก

ยิ่งล่าได้มีโอกาส ไปลองขับสัมผัส ต้องบอวก่า ฮอนด้าทำการบ้าน เรื่องรถยนต์ไฟฟ้ามาค่อนข้างดีในระดีบหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเสนอตัวรถในรูปแบบ รถพรีเมี่ยม โดเด่น ในเรื่องการเก็บเสียง และความสบายในการโดยสารอย่างมาก

รวมถึง มันยังเป็นรถบ้าน 200 ม้า รุ่น ที่ 3 หลังจากตระกูลไฮบริด ยินพื้นตรงนี้มานาน

สำคัญที่สุด รถรุ่นนี้ ประกอบจากโรงงานในประเทศ เป็นรุ่นแรก ของรถยนต์ไฟฟ้าจากญี่ปุ่น ที่มีขายในบ้านเรา ด้วยล่ะ

สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจากญี่ปุ่น เมื่อเทียบกับค่ายจีน แม้ว่า จะมีจำนวนรุ่นน้อยกว่ามาก และราคา ก็ค่อนข้างสูงกว่าพอตัว หากจุดประสงค์ของผู้ผลิตรถยนต์จากญี่ปุ่นค่อนข้างชัดเจน พวกเขาไม่ได้มุ่งไปที่เทคโนโลยีตัวใดตัวหนึ่ง แต่มีเทคโนโลยีหลายๆ อย่าง ตอบสนองต่อลูกค้าและ รถยนต์ไฟฟ้า เป้นเพียงส่วนหนึ่งของ คำตอบ เท่านั้น

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่