หลังเป็นข่าวลืออยู่พักใหญ่ ล่าสุด Ford Ranger ร่างเสียบปลั๊กไฮบริด PHEV ก็ได้ถูกเผยโฉมออกมาแล้วในวันนี้ ที่ประเทศอังกฤษ

Ford Ranger PHEV คือว่าที่รุ่นย่อยใหม่ของรถกระบะอันดึบหนึ่งในทวีปยุโรป ที่ล่าสุดได้เผยโฉมออกมาเพื่อบ่งบอกว่ามันกำลังจะถูกวางขายจริงในปี 2025

และเมื่อดูจากหน้าตา คุณอาจจะพบว่ามันไม่ได้มีความแตกต่างจากตัวรถ Ford Ranger รุ่นปกติเท่าไหร่นัก ซึ่งนั่นก็เพราะว่าจุดขายและจุดเปลี่ยนสำคัญของมัน ก็คือการเปลี่ยนมาใช้ขุมกำลังเครื่องยนต์ Ford EcoBoost แบบเบนซิน-เทอร์โบ ขนาด 2.3 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ทางค่ายยังไม่มีการเปิดเผยว่าเมื่อพวกมันทำงานร่วมกันอย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว จะสามารถเค้นกำลังสูงสุดได้มากน้อยแค่ไหน

แต่หากอิงจากข้อมูลของเครื่องยนต์ EcoBoost ขนาด 2.3 ลิตร ในรถ Ford Ranger รุ่นล่าสุดที่วางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา และมีการวางขุมกำลังลูกนี้อยู่ มันก็จะพกแรงม้าติดตัวมากถึง 270 HP และมีแรงบิดอีกราวๆ 422 นิวตันเมตร

ทว่าเมื่อเครื่องยนต์ลูกดังกล่าวถูกนำมาใช้กับระบบมอเตอร์ไฟฟ้า มันจึงอาจถูกดร็อปกำลังลง เพื่อประหยัดการใช้น้ำมัน และให้มอเตอร์เป็นตัวช่วยเสริมกำลังที่หายไป ซึ่งเต็มที่ อาจมีแรงม้าสุทธิรวมกันที่ราวๆ 300 HP และแรงบิดอาจอยู่ที่ราวๆ 500-600 นิวตันเมตร ซึ่งก็จะพอๆกับตัวรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร Bi-Turbo ของ Ranger รุ่นที่ขายอยู่ในบ้านเรา ณ เวลานี้อยู่แล้ว

และในส่วนของตัวแบตเตอรี่ที่ให้มา แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยว่า มันจะมีขนาดความจุเท่าใด แต่ด้วยความเป็นรถยนต์ไฮบริดแบบ PHEV ย่อมหมายความว่ามันมีขนาดใหญ่มากพอ ที่จะสามารถใช้งานในการวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าล้วน หรือ EV Mode ได้ ซึ่งตามข้อมูลที่ทาง Ford ให้มา ระบุว่า มันจะสามารถวิ่งในโหมดนี้ได้ไกลสุด ถึง 45 กิโลเมตร/ชาร์จ ด้วยกัน

ด้านความเปลี่ยนแปลงอื่นๆของตัวรถ ก็ไม่ได้มีการเกริ่นถึงมากมายนัก และจากที่เราสังเกตกันได้ด้วยตา ก็จะพบว่าเจ้ากระบะขุมกำลังลูกครึ่งเสียบปลั๊กคันนี้ มาพร้อมกับเปลือกนอกแบบ Ranger Wildtrak แต่ได้ล้อลายใหม่เฉพาะรุ่น ที่ใช้งานดีไซน์ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดี ว่ามันมาพร้อมกับขุมกำลังเสริมพลังงานไฟฟ้า

และที่ซุ้มล้อหลังด้านซ้ายเอง ก็มีการเพิ่มช่องชาร์จไฟเข้ามาด้วย ซึ่งจากที่เห็นคร่าวๆในคลิป ก็จะพบว่ามันใช้พอร์ทชาร์จไฟแบบ AC Type 2 ยังไม่รองรับระบบ Fast Charge แต่อย่างใด

ทั้งนี้ เนื่องจากกำหนดการวางขายตัวรถจริงๆ จะเกิดขึ้นในช่วงปี 2025 จึงทำให้ในตอนนี้ทางค่ายทำได้เพียงเปิดเผยหน้าตาตัวรถให้เห็นเท่านั้น เพื่อบอกผู้ที่ให้ความสนใจว่ามันมาแน่ๆ แต่ยังไม่สามารถระบุข้อมูลอื่นใดเพิ่มเติมได้ ซึ่งเราก็มีแต่จะต้องรอติดตามกันต่อไปเท่านั้น

ไม่เว้นแม้กระทั่งความเป็นไปได้ที่ว่า แล้วมันจะถูกนำมาวางจำหน่ายในไทยด้วยหรือไม่ ? เพราะดูเหมือนว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหลักของมัน คือเหล่าลูกค้าในทวีปยุโรป และสหราชอาณาจักรต่างหาก…

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่