Porsche Panamera นับว่าเป็นหนึ่งในรถยนต์ที่ทำให้แบรนด์เจ้าชายกบได้กลับมามีชีวิตชีวา และเป็นที่รู้จักในหมู่คนทั่วไปขึ้นมาก นับตั้งแต่การเผยโฉมเจเนอเรชันแรกเมื่อปี 2009 และตอนนี้ในช่วงย่างเข้าปี 2024 มันก็ได้ถูกปรับโฉมใหญ่อีกครั้ง เพื่อเข้าสู่เจเนอเรชันที่ 3

2024 Porsche Panamera มาพร้อมกับการปรับโฉมใหม่เข้าสู่ยุคของเจเนอเรชันที่ 3 แต่ถึงอย่างนั้น มันกลับมีหลายองประกอบที่ใกล้เคียงกับรุ่นพี่เจเนอเรชันที่ 2 เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับทรวดทรงตัวถัง และลายเส้นต่างๆทางด้านข้าง ที่ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด หากนำรถมาจอดเทียบข้างกันแบบจุดต่อจุด

แต่เพื่อไม่ให้คนเข้าใจว่ามันยังคงเป็นรถรุ่นเก่ามากเกินไป หากคุณลองสังเกตหน้ารถ และท้ายรถให้ดีก็จะพบว่ามันยังพอจะมีความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดอยู่ ทั้ง ชุดโคมไฟหน้าใหม่ ที่ถูกปรับกรอบให้ดูมีความเรียวแหลมมากขึ้นเล็กน้อย โดยที่ดวงไฟ LED ด้านในก็ถูกเปลี่ยนใหม่ ให้เหมือนกับของ Taycan, กันชนหน้าเปลี่ยนใหม่ มาพร้อมช่องดักลมที่ใหญ่และกว้างขึ้น แถมทรงกรอบยังมีความเหลี่ยมกว่าเดิม คล้ายกับของ Cayenne ตัวล่าสุด

ด้านท้ายรถมีการเปลี่ยนแปลงงานออกแบบที่เห็นได้ชัดเจนกว่าด้านหน้า ไม่ว่าจะเป็นชุดโคมไฟท้าย ที่ไม่ใช่แบบข้างย้อยอีกต่อไป และกลายเป็นแบบขีดตรงคาดจากตัวถังด้านซ้ายไปด้านขวา ตามแบบของ 911 รุ่นปัจจุบัน, ตัวฝาท้ายเปลี่ยนหน้าตาใหม่ จากแบบมีกรอบรอบบานกระจก เป็นไร้กรอบ, ตัวสปอยเลอร์หลังไฟฟ้า ที่สามารถกางออกมาเมื่อรถขับจนถึงความเร็วระดับหนึ่งได้ ก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นแบบใบตรง ไม่มีขยักเขี้ยวด้านข้างอีกต่อไป

กันชนท้ายแบบใหม่ ซึ่งดูมีความซิ่งกว่าเดิมเล็กน้อย ด้วยการขยายพื้นที่ชิ้นส่วนงานพลาสติกด้านสีดำ ทำให้มันดูพร้อมปะทะมากกว่าเดิม (แต่ไม่ได้หมายความว่าจะชวนให้คุณเอารถไปปะทะกับกำแพงเล่นแต่อย่างใด) และหากคุณลองสังเกตให้ดีก็จะพบว่าตอนนี้มันมีออพชันชุดล้อแบบ Center Lock มาให้ลูกค้าได้เลือกซื้อกันด้วย เผื่อคุณอยากได้อารมณ์ซิ่งแบบ Porsche 911 GT3 นั่นเอง

ภายในตัวรถเอง ก็ได้รับการตกแต่งห้องโดยสารด้วยแรงบันดาลใจร่วมกันจาก Porsche Taycan ด้วยการใช้คอนโซลแบบใหม่ พร้อมหน้าจอแสดงผลถึง 3 ตัวด้วยกัน ได้แก่ 2 จอ ขนาดตัวละ 12.6 นิ้ว สำหรับแสดงผลมาตรวัด และข้อมูลตัวรถโดยคร่าวๆตรงหน้าคนขับ กับชุดหน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ตรงกลางคอนโซล และจออีก 1 ตัว ขนาด 10.9 นิ้ว ซึ่งมีไว้แสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์เช่นกัน แต่สำหรับผู้โดยสารทางด้านข้างคนขับเท่านั้น

อีกจุดที่เปลี่ยนไปคือ คราวนี้ชุดคันเกียร์ ได้ถูกย้ายจากคอนโซลกลาง ไปเป็นก้านโยกที่คอพวงมาลัย เพื่อเพิ่มพื้นที่ว่างของคอนโซลกลางให้สามารถย้ายที่วางแก้วน้ำมาไว้ตรงคอนโซลกลางได้ จากเดิมที่จะอยู่บริเวณช่องเก็บของคั่นกลางเบาะ

ส่วนปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศต่างๆ และปุ่มเปลี่ยนโหมดการขับขี่ ก็ถูกจัดระเบียบใหม่ เพื่อให้เข้ากับคอนโซลกลางที่ดูโล่งกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับช่องเก็บโทรศัพท์ ที่ไม่ใช่แค่มาพร้อมกับระบบชาร์จไร้สาย แต่ยังมีระบบระบายความร้อนของโทรศัพท์ติดมาด้วย

นอกนั้นในส่วนรายละเอียดเบาะนั่ง ทั้งคู่หน้า และแถวหลัง ต่างก็ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นนัยยะสำคัญเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับรุ่นพี่

ทางฝั่งขุมกำลังเอง ก็มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดใหม่หลายรายการเช่นกัน โดยเฉพาะในส่วนของการปรับปรุงรุ่น E-Hybrid ใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่ช่วยแค่ในเรื่องของการเสริมพละกำลังโดยรวมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเรื่อง การลดตัวเลขอัตราสิ้นเปลือง และลดการปล่อยมลพิษตามใจลูกค้าหัวรักษ์โลกอีกด้วย

เริ่มจากรุ่น Turbo E-Hybrid ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ลูกเดิม แต่ได้รับการปรับปรุงไส้ในใหม่ ให้สามารถรีดเค้นกำลังได้มากขึ้น เช่นเดียวกับมอเตอร์ไฟฟ้าลูกใหม่ ซึ่งจะติดตั้งอยู่เป็นหน่วยเดียวกันกับ ระบบส่งกำลังด้วยชุดเกียร์คลัทช์คู่ PDK 8 สปีด ซึ่งช่วยลดน้ำหนักลงไปได้อีก 5 กิโลกรัม และจะทำงานร่วมกันกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเป็น 25.9 kWh รองรับระยะทางในการวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนได้ไกลสุด 91 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP

จากการปรับปรุงในข้างต้น ทำให้ตัวรถรุ่นนี้ มีขุมกำลังที่ให้ตัวเลขพละกำลังรวมสูงสุด 680 PS กับแรงบิดสูงสุดอีก 929 นิวตันเมตร ซึ่งสามารถทำให้ตัวรถเรียกอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 3.0 วินาที และเคลมความเร็วสูงสุดเอาไว้ที่ 314 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ด้านรุ่นที่ใช้ขุมกำลังเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วน อย่าง Panamera และ Panamera 4 ก็จะได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ V6 2.9 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว ซึ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ ทั้งจากการเพิ่มแรงดันบูสท์ และระบบจ่ายน้ำมัน กับระบบการจุดระเบิดใหม่

ส่งผลให้ตอนนี้มันสามารถทำพละกำลังได้มากขึ้นเป็น 353 PS และแรงบิดสูงสุดอีก 499 นิวตันเมตร ซึ่งหากเทียบกับรุ่นพี่แล้ว ก็เท่ากับว่ามันจะมีแรงม้าที่มากขึ้นอีก 23 PS และแรงบิดเพิ่มขึ้นอีกถึง 50 นิวตันเมตร และช่วยให้ตัวรถสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 5 วินาที สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และ หล่นเหลือ 4.7 วินาที สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ

ไฮไลท์สำคัญนอกเหนือจากการปรับปรุงเครื่องยนต์ ก็คือการเพิ่มออพชันระบบกันสะเทือนใหม่ ที่คราวนี้มีลูกเล่นระบบ Porsche Active Ride ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อเพิ่มสำหรับตัวเลือก Oanamera กลุ่ม E-Hybrid ซึ่งระบบนี้ ถือเป็นระบบช่วงล่างไฟฟ้าแบบใหม่ ที่ทาง Porsche พึ่งนำมาใช้กับรถยนต์ของพวกเขาได้ไม่นาน และความพิเศษของมัน ก็จะอยู่ที่การใช้โช้กไฮดรอลิกที่สามารถแปรผันความหนืดได้ด้วยระบบไฟฟ้า เช่นเดียวกับโช้กถุงลม ที่จะสามารถแปรผันความกระด้าง หรือความนุ่มได้ตามสภาพพื้นผิวที่วิ่งผ่าน

และด้วยการเซ็ทอัพในลักษณะนี้ ทาง Porsche ก็ได้เคลมว่า มันจะช่วยให้ระบบช่วงล่าง สามารถทำงาน และตอบสนองต่อสภาพผิวถนนไได้หลากหลายรูปแบบในช่วงกว้างมากกว่าเดิม แถมยังมีระบบยกสูงตัวรถขึ้นได้มากสุดถึง 2.2 นิ้ว เพื่อเพิ่มความสูงใต้ท้องรถ และเผื่อการใช้งานที่ลูกค้าต้องการช่วงล่างซึ่งมีความนุ่มนวลเป็นพิเศษอีกด้วย (ยกสูงเพื่อให้รถมีช่วงยุบในการซับแรงมากขึ้นนั่นเอง)

แน่นอน ในตอนนี้ 2024 Porsche Panamera ยังมีการเปิดรับจองแค่เฉพาะสำหรับลูกค้าในเยอรมัน และในทวีปยุโรปเพียงบางส่วนเท่านั้น ส่วนการเปิดรับจองในไทย ยังไม่มีการอัพเดทข้อมูลความเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้นในตอนนี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่