จากเอสยูวีน้องเล็กที่ได้รับความนิยมไม่แพ้รุ่นพี่ ล่าสุด Porsche Macan เจเนอเรชันใหม่ ก็ได้ถูกเปิดตัวในฐานะโมเดลปี 2024 พร้อมได้ชื่อว่าเป็น EV SUV คันแรกของแบรนด์เจ้าชายกบ

2024 Porsche Macan EV มาพร้อมกับโครงสร้างใหม่ที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม PPE หรือ Premium Platform Electric ของ Porsche ซึ่งแท้จริงแล้ว เป็นแพลตฟอร์มเดียวกันกับที่ทางค่ายเคยแชร์ให้ทาง Audi ใช้กับ A6 e-Tron มาแล้วก่อนหน้านี้

และด้วยเหตุผลเดียวกัน จึงทำให้เจ้า Macan รุ่นใหม่ มีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นจากรุ่นพี่พอควร ด้วยสัดส่วนด้านยาว 4,786 มิลลิเมตร, ด้านสูง 1,671 มิลลิเมตร และด้านกว้าง 2,151 มิลลิเมตร และ เท่ากับว่ามันยาวกว่ารุ่นพี่อยู่ 58 มิลลิเมตร, สูงกว่า 76.2 มิลลิเมตร และกว้างกว่าถึง 224 มิลลิเมตร เลยทีเดียว

ไม่เพียงเท่านั้น ด้วยตัวถังที่ใหญ่ขึ้น จึงทำให้ตัวรถมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมากขึ้นอีก 125 ลิตร และในขณะเดียวกัน ด้วยควาที่เครื่องยนต์หายไป จึงทำให้มันยังมีช่องเก็บของสัมภาระใต้ฝากระโปรงหน้าอีก 82 ลิตร ด้วย

ด้านงานออกแบบภายนอก ยังคงใช้เส้นสายตัวถังรอบคันคล้ายเดิม คือเน้นความเป็นรถอเนกประสงค์ที่มีสัดส่วนโค้งมนไปแทบทุกสัดส่วน แม้กระทั่งหลังคาครึ่งหลังก็ยังคงมีความลาดเอียงแบบรถคูเป้ แต่อาจไม่ได้มากมายเหมือน Cayenne Coupe

ชิ้นส่วนแก้มข้างด้านหน้าถูกจัดสัดส่วนใหม่ โดยจากเดิมที่เป็นการแบ่ง 2 ชิ้น บน-ล่าง คราวนี้ได้กลายเป็นชิ้นเดียว เพื่อความง่ายต่อการซ่อมแซม และบริเวณซุ้มล้อ ก็มีการติดตั้งชุดขอบคิ้วซุ้มล้อพลาสติกสีดำเข้ามา เพื่อเป็นตัวกันกระแทก เพิ่มความสบายใจให้กับผู้ใช้

ด้านกันชนหน้าถูกปรับใหม่ ทั้งการจัดตำแหน่งช่องดักอากาศ และกรอบไฟตัดหมอก รวมถึงยังออกแบบให้ดูห้อยต่ำลงติดพื้นมากกว่าเดิม พร้อมชายล่างที่ยื่นออกมาจากแนวตัวรถมากขึ้น, กันชนท้ายถูกเปลี่ยนงานออกแบบใหม่ ด้วยการเพิ่มช่องรีดอากาศทางด้านข้าง และเปลี่ยนลักษณะของดิฟฟิวเซอร์ล่างใหม่ รวมถึงไม่มีปลายท่อไอเสียให้เห็นอีกต่อไปแล้ว

สุดท้ายคือ งานออกแบบไฟหน้าและไฟท้าย ที่ถูกเปลี่ยนใหม่ โดยไฟหน้าก็ถูกปรับให้มีหน้าตาคล้ายกับ Taycan และไฟท้าย ก็กลายเป็นแบบแถบยาวเต็มกรอบ ไม่มีการเว้าบีบสัดส่วนแต่อย่างใดอีกต่อไป ตามฉบับงานออกแบบของรถยนต์จาก Porsche ยุคล่าสุด

งานออกแบบภายในห้องโดยสาร มีเพียงพวงมาลัยเท่านั้น ที่ยังหน้าตาคล้ายเดิมเกือบ 100% ด้วยพวงมาลัยแบบ 3 ก้านตรง พร้อมปุ่มมัลติฟังก์ชัน และเพิ่มมาเพียงปุ่มปรับโหมดการขับขี่ทางด้านล่างของก้านพวงมาลัยด้านขวา

ส่วนชุดคอนโซลหน้า แม้จะยังคงมีความเป็นกรอบเหลี่ยมยื่นออกมา พร้อมชุดจอระบบอินโฟเทนเมนท์ ขนาด 10.9 นิ้ว ตรงกลาง และอีกต่อขนาดเดียวกันที่ฝั่งผู้โดยสาร คล้ายรุ่นก่อนหน้า แต่ในส่วนของชุดหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ตรงหน้าผู้ขับ กลับเปลี่ยนจากแบบเข็มกวาดธรรมดาๆ เป็นหน้าจอ Full Digital TFT ขนาดใหญ่ถึง 12.6 นิ้วแล้วเป็นที่เรียบร้อย

นอกนั้นในส่วนของด้านบนคอนโซล ยังคงเป็นตำแหน่งที่ตั้งของนาฬิกาบอกเวลา แต่ใช้หน้าปัทม์แบบจอดิจิตอล ตัวคอนโซลกลางก็มีการออกแบบใหม่ ให้ดูโปร่งมากขึ้น ทั้งจากการหั่นแผงปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ, ปุ่มปรับการทำงานของช่วงล่าง ให้สั้นลง พร้อมปรับให้เป็นแบบลอยตัวจากคอนโซลชั้นล่าง ซึ่งเป็นหลุมลึก สามารถใส่ของสัมภาระขนาดเล็กได้มากขึ้น และสุดท้ายคือคันเกียร์ไฟฟ้าตรงกลาง ได้ถูกเปลี่ยนใหม่เป็นสวิทช์กระดกขนาดเล็กติดตั้งไว้ตำแหน่งด้านข้างของจอแสดงผลมาตรวัด

ด้านชุดเบาะนั่งต่างๆ ยังคงใช้วัสดุหนังหุ้มเป็นหลัก และมีรูปทรงกึ่งสปอร์ตที่เบาะปรับไฟฟ้าคู่หน้า ส่วนทางด้านหลังเอง ยังคงมีความเป็นหลุมเล็กน้อยที่พนักพิงเบาะเช่นเดิม แต่มีการปรับรูปทรงลายตะเข็บใหม่ และที่ขาดไม่ได้คือการใช้หนังเจาะรู เพื่อลดการสะสมความชื้นและความร้อนบนแผ่นหลังของผู้นั่ง แถมยังเสริมด้วยระบบแอร์ดิจิตอลซึ่งจะทำงานปรับอุณหภูมิแยกส่วนจากผู้โดยสารตอนหน้า

ด้านหัวใจสำคัญอย่างขุมกำลัง ตัวรถ Macan EV ทุกรุ่น ซึ่งในตอนนี้มี 2 รุ่น คือ Macan 4 และ Macan Turbo จะใช้ขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ เพื่อแบ่งกันขับเคลื่อนชุดล้อทั้ง 4 ในแบบ AWD ซึ่งจะทำงานบนพื้นฐานของรถขับหลังเป็นหลัก (เมื่อรถมีลักษณะการเสียการทรงตัว หรือลื่นไถล จึงจะมีการเสริมการยึดเกาะด้วยการปั่นกำลังลงชุดล้อคู่หน้า)

โดยในฝั่ง Macan 4 จะได้มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังสูงสุดรวมกันที่ 408 PS กับแรงบิดสูงสุด 648 นิวตันเมตร พร้อมทำอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 4.9 วินาที และจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 219 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ด้านตัวแรง Macan Turbo มาพร้อมกับพละกำลังรวมกันจากมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว สูงสุดที่ 639 PS และแรงบิดสูงสุด 1,128 นิวตันเมตร พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ 259 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.1 วินาที ซึ่งถือว่าเร็วกว่า Porsche 911 GT3 เสียอีก

และเพื่อเสริมความสามารถในการขับเคลื่อน ตัวรถ Macan EV ทุกรุ่น(ที่มีในตอนนี้) ก็จะได้รับการติดตั้งระบบ Porsche Torque Vectoring (PTV) หรือระบบควบคุมแรงบิดที่ชุดล้อคู่หลัง โดยระบบนี้ของตัว Turbo จะมีคำว่า “Plus” ต่อท้ายเข้ามาอีก ซึ่งหมายความว่า มันจะมีฟังก์ชันที่เหนือกว่าอีกนิด ด้วยลูกเล่นการล็อคเฟืองท้ายของชุดล้อคู่หลัง

ส่วนระบบเลี้ยว 4 ล้อ ซึ่งจะทำให้ล้อหลังสามารถหักเลี้ยวซ้าย-ขวาได้ฝั่งละ 5 องศา เพื่อเสริมความคล่องตัวในการขับขี่ช่วงความเร็วต่ำ และสเถียรภาพของตัวรถในการขับขี่ช่วงความเร็วสูง ก็จะเป็นออพชันพื้นฐานติดมาให้ตัวรถทั้ง 2 รุ่นย่อย

ฝั่งแบตเตอรี่ของตัวรถเอง ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะในคราวนี้ ทางค่ายเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 100 kWh (ใช้สำหรับการเดินทางได้จริง 95 kWh ที่เหลือคือเป็นการสำรองไฟไว้เพื่อเลี้ยงระบบ) แบบ 800-Volt เหมือนกันทั้งคู่

โดยแบตฯลูกใหม่นี้ จะมีความสามารถในการจัดการพลังงานขาออก และการชาร์จที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับองค์ประกอบทางเคมีของตัวแบตฯใหม่ ให้ดีขึ้นจาก Taycan ช่วยให้คราวนี้ มันรองรับแรงดันในการชาร์จไฟได้สูงสุดถึง 270 กิโลวัตต์ และทำให้มันสามารถชาร์จไฟจาก 10-80 เปอร์เซ็นต์ได้ภายในเวลา 21 นาที เท่านั้น ติดก็ตรงที่ตอนนี้แท่นชาร์จที่แรงขนาดนั้น ยังมีไม่กี่ที่บนโลก

ขณะที่ระยะทางในการใช้งาน หากเป็นรุ่นล่าง Macan 4 จะสามารถวิ่งได้ไกลสุด 613 กิโลเมตร/ชาร์จ และในฝั่ง Macan Turbo จะสามารถวิ่งได้ไกลสุด 591 กิโลเมตร/ชาร์จ อ้างอิงการทดสอบบนมาตรฐาน WLTP ทั้งคู่

และแม้จะพึ่งมีการเปิดตัวในระดับ Global เพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ทาง AAS Group ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Porsche อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ก็ได้มีการเปิดรับจองและประกาศราคาสำหรับการวางจำหน่าอย่างเป็นทางการของ Porsche Macan EV ไว้แล้วว่าจะอยู่ที่

  • เริ่มต้น 5,390,000 บาท ในรุ่น Macan 4
  • เริ่มต้น 7,790,000 บาท ในรุ่น Macan 4
แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่