หลังการปรับโฉมใหญ่ Mitsubishi Triton ในระดับ All-New ล่าสุดก็ถึงคิวของ Mitsubishi Pajero Sport รุ่นใหม่ปี 2024 กันบ้าง ติดก็ตรงที่ว่ามันยังเป็นการปรับเปลี่ยนรายละเอียดในระดับกึ่ง Minor Change เท่านั้น

2024 Mitsubishi Pajero Sport ยังคงเป็นตัวรถที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานเดิมกับโฉมปี 2015 ซึ่งมีการปรับโฉมระดับ Minorchange ในปี 2019 ไปแล้วหนึ่งครั้ง และกับตัวรถตัวล่าสุด มันก็ยังคงได้รับการปรับโฉมในระดับนี้อีกเช่นเดิม ไม่ได้มีการปรับใหญ่ไปพร้อมกับ Mitsubishi Triton ที่เผยโฉมไปเมื่อปีก่อนแต่อย่างใด

ดังนั้น จากภาพที่ทุกท่านกำลังเห็นกันอยู่ ตัวรถ Pajero Sport รุ่นล่าสุดนี้จึงยังคงมีหน้าตาที่คล้ายกับรุ่นก่อนหน้าโฉมปี 2023 เว้นเพียงการปรับรายละเอียดกระจังหน้าใหม่ จากแบบแถบคาดแนวนอน เป็นลวดลายรังผึ้ง และการปรับเปลี่ยนลวดลายชุดล้อทั้ง 4 ใหม่ก็เท่านั้น

ด้านภายในห้องโดยสารถือว่ามีการปรับเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ในส่วนของชุดพวงมาลัยใหม่ ที่ยกมาจาก Mitsubishi Triton ช่วยให้ตัวรถดูแข็งแกร่ง ดุดันมากยิ่งขึ้นจากภายใน และที่สำคัญคือมันมีลูกเล่นในส่วนของแป้น Paddle Shift มาให้ด้วย ขณะที่ชุดจอมาตรวัด ก็มีการปรับไปใช้จอ Full Digital ขนาด 8 นิ้ว ซึ่งยกมาจาก Xpander HEV แต่มีการปรับอินเตอร์เฟซภายในใหม่เล็กน้อย ตามความเหมาะสม

นอกนั้นในเรื่องของโทนสีภายในห้องโดยสาร จะเน้นการตกแต่งแบบ สีทูโทน ดำ-แดงเบอร์กันดี สลับการตกแต่งด้วยสีไทเทเนียมรมดำบริเวณขอบประตูและรอบช่องแอร์ พร้อมระบบฟอกอากาศในห้องโดยสาร nanoeX™ และตัวเบาะหนังสังเคราะห์ ก็มีการออกแบบลายหนัง Diamond Cut แบบใหม่พร้อมคุณสมบัติสะท้อนความร้อน (Heat Guard) โดยเบาะคู่หน้าปรับระดับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังปรับด้วยไฟฟ้าด้านเบาะผู้ขับขี่

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องโดยสาร ประกอบด้วย ระบบเครื่องเสียง Mitsubishi Power Sound System ชุดเครื่องเสียงระดับพรีเมียม  8 ลำโพง พร้อมพาวเวอร์แอมป์, หน้าจอบนเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ขนาด 12.1 นิ้ว พร้อมรีโมท หูฟังอินฟราเรด และเชื่อมต่อ HDMI และ USB หน้าจอระบบสัมผัส 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน (SDA) Apple Carplay & Android Auto และระบบเชื่อมต่อ Bluetooth แฮนด์ฟรี และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง ระบบเบรกมือไฟฟ้าและระบบหน่วงแรงเบรกอัติโนมัติ (Brake Auto Hold) และยังมีประตูท้ายไฟฟ้าพร้อมระบบแฮนด์ฟรี ที่สามารถเปิด-ปิดได้ 5 รูปแบบ ที่ถูกใส่เข้ามาเพิ่มเติม

ด้านระบบขับเคลื่อน สำหรับตัวรถรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ได้มีารอัพเกรดระบบสมองกลใหม่ เป็นระบบ Super Select 4WD II แบบเดียวกับ All-New Triton ซึ่งสามารถปรับเข้าสู่โหมดการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์ (4H Full-time) ได้ทันที แม้ในขณะขับขี่ด้วยความเร็ว (Shift-on-the-Fly)

ทั้งยังมีโหมด 4HLc (ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง) และ 4LLc (ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำ) รวมถึงโหมดการขับขี่แบบออฟโรด 4 รูปแบบ ได้แก่ Gravel สำหรับการขับขี่บนทางฝุ่น Mud/Snow สำหรับการขับขี่บนผิวทางที่ปกคลุมด้วยโคลนหรือหิมะ รวมถึงขณะที่ฝนตกซึ่งพื้นผิวถนนมีความลื่น Sand สำหรับการขับขี่บนพื้นผิวทราย และ Rock สำหรับขับขี่บนผิวทางที่ขรุขระหรือพื้นผิวหิน

ส่วนเครื่องยนต์เอง ก็มีการปรับใหม่แบบยกลูกด้วยเช่นกัน โดยจากเดิมที่เคยใช้ขุมกำลัง 4N15 กำลังสูงสุด 181 PS ที่ 3,500 รอบ/นาที กับแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที คราวนี้ก็ได้มีการปรับไปใช้เครื่องยนต์ 4N16 “Hyper Power” ซึ่งนอกจากจะเป็นบล็อคใหม่หมด และมาพร้อมกับมาตรฐานไอเสียระดับ Euro 5 แล้ว เครื่องยนต์ลูกนี้ยังสามารถทำกำลังสูงสุดได้มากขึ้นอีกเล็กน้อย เป็น 184 PS ที่ 3,500 รอบ/นาที และแม้แรงบิดสูงสุดจะยังคงเท่าเดิมที่ 430 นิวตันเมตร แต่ก็สามารถเรียกใช้ในย่านรอบเครื่องยนต์ที่กว้างขึ้นเป็นระหว่าง 2,250 – 2,500 รอบ/นาที

อย่างไรก็ดี ในส่วนของระบบส่งกำลัง ที่เคยใช้ชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนกลับไปใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด ดังเดิม (แต่เป็นเกียร์คนละลูกกับ Pajero Sport รุ่นก่อนหน้า เพราะเป็นเกียร์ลูกใหม่ที่ใช้ใน Triton รุ่น All-New แล้ว)

ฝั่งเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน Diamond Sense ยังคงให้มาแบบจัดเต็มเช่นเดิม ทั้ง ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัติโนมัติ (Adaptive Cruise Control: ACC), ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation System: FCM), ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (Ultrasonic Misacceleration Mitigation System: UMS), กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor: MAM), ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (Rear Cross Traffic Alert: RCTA), ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Blind Spot Warning with Lane Change Assist: BSW with LCA), ระบบปรับระดับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติ (Auto Headlight Leveling System: AHLS), และระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยางผิดปกติ (Tire Pressure Monitoring System: TPMS)

นอกจากนี้ ตัวรถ ยังมาพร้อมระบบ Mitsubishi Remote Control ที่มอบการควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนระบบ iOS และ Android มีฟังก์ชันที่เป็นประโยชน์ในการใช้งาน ได้แก่ การค้นหารถยนต์ การแจ้งเตือนสถานะของรถ สั่งการเปิด-ปิดประตูท้ายอัตโนมัติได้ล่วงหน้า ระบบช่วยเหลือพร้อมแจ้งเหตุผ่านสัญญาณ Bluetooth ของสมาร์ทโฟน พร้อมแสดงข้อมูลและประวัติการใช้งานรถ

โดย Mitsubishi Pajero Sport รุ่นปี 2024 มีจำหน่าย 4 รุ่นย่อย ดังนี้

  • รุ่น Prime 2WD วางจำหน่ายที่ราคา 1,389,000 บาท
  • รุ่น Ultra 2WD   วางจำหน่ายที่ราคา 1,529,000 บาท

หมายเหตุ : สำหรับรุ่น Prime และ Ultra สีขาว White Diamond เพิ่ม 15,000 บาท

  • รุ่น Elite Edition 2WD วางจำหน่ายที่ราคา 1,579,000 บาท
  • รุ่น Elite Edition 4WD วางจำหน่ายที่ราคา 1,689,000 บาท

หมายเหตุ : สำหรับรุ่น Elite Edition ทั้ง 2WD และ 4WD สีแดง Medium Red/Black  Roof เพิ่ม 5,000 บาท และ สีขาว White Diamond/Black Roof เพิ่ม 20,000 บาท

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่