ที่ญี่ปุ่น Mitsubishi เปิดตัวรุ่น Model Year ปรับเล็กๆน้อยๆสำหรับ Mitsubishi Outlander ทั้งรุ่นปกติและรุ่นพิเศษ Black Edition

ทั้งสองรุ่นนี้ พิ่มออปชันภายนอกตั้งแต่ที่ฉีดล้างไฟหน้ารถและไฟตัดหมอกหลัง LED เพิ่มความปลอดภัยในสถานการณ์การขับขี่ที่เลวร้าย รวมถึงรุ่นพิเศษ Black Edition อัปเกรดออปชันจากรุ่น P 7 ที่นั่งมาตกแต่งของดำเงาทั้งคันไม่ว่าจะเป็นหลังคารถ กระจกมองข้างทรงสปูน เสา A ไปจนถึงเสา C กระจังหน้าทรงเข้ม คิ้วกระจังหน้าทรง Dynamic Shield คิ้วชายล่างใต้กันชนหน้าและหลัง ราวหลังคา และล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว

ภายในทุกรุ่นเพิ่มออปชันมาด้วยช่องเสียบ HDMI และรุ่น Black Edition จากการนำพื้นฐานรุ่น P เจ็ดที่นั่งมามีการเพิ่มออปชันจอแสดงข้อมูลเหนือคอนโซลหน้า HUD และลำโพง BOSE มาให้ หรูหราด้วยเบาะนั่งกึ่งหนังแท้ทูโทนลายเพชร สีดำน้ำตาล หรือ สีดำล้วน แบบ 3 ตอน 7 ที่นั่ง หรือแบบ 2 ตอน 5 ที่นั่ง ตอน 2 พับได้แบบ 40:20:40 และตอน 3 พับได้แบบ 50:50 พร้อมมาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว จอสัมผัสขนาดใหญ่ 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย ถัดลงมาเป็นช่องแอร์แนวยาว กับเครื่องปรับอากาศแยกโซน 3 ส่วน พร้อม My MITSUBISHI CONNECT” ตั้งค่าฟังก์ชัน “ล็อก-ปลดล็อกประตูจากระยะไกล”

ขุมพลังมาพร้อมความแรงและประหยัดด้วยเบนซิน MIVEC ขนาด 2.4 ลิตร รหัส 4B12 ให้กำลังถึง 128 แรงม้า แรงบิด 195 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว สูงถึง 116 แรงม้า แรงบิด 255 นิวตันเมตรในมอเตอร์ตัวหน้า S91 และ 136 แรงม้า แรงบิด 195 นิวตันเมตรในมอเตอร์ตัวหลัง YA1 เชื่อมต่อกับระบบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 20 kWh ให้กำลังรวมสูงสุด 380 แรงม้า ถ้าวิ่งด้วย EV อย่างเดียว วิ่งได้ไกลมากถึง 83 กับ 87 กิโลเมตร ชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC และกระแสสลับ AC พร้อมขับเคลื่อน 4 ล้อ Super-All Wheel Control มีทั้งหมด 7 โหมด ตั้งแต่โหมด NORMAL”, “ECO”, “POWER”, “TARMAC”, “GRAVEL”, “SNOW” และ “MUD”

Mitsubishi Outlander PHEV มีจำหน่ายถึง 4 เกรดหรู 5 รุ่นย่อย มาในราคา 4,995,100- 6,304,100 yen หรือราว 1,229,000 – 1,555,000 บาท ราคานี้ไม่รวมภาษีนำเข้าของไทย โดยรุ่นปกติขายแล้วส่วนรุ่น Black Edition ขายญี่ปุ่น 8 กุมภาพันธ์ ปีหน้า

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่