หลังจากที่ชาวไทย พึ่งทำความรู้จักทั้ง KIA EV9 และ KIA EV5 ไปได้เพียงไม่นาน ล่าสุดทางแบรนด์เกาหลี กลับพึ่งมีการเปิดตัวน้องเล็กของตระกูลออกมาเพิ่มในตลาดโลก นั่นก็คือ KIA EV3

KIA EV3 เพียงดูจากรหัสชื่อรุ่นก็รู้กันได้ทันทีว่ามันได้กลายเป็นน้องเล็กสุดของเหล่ารถยนต์อเนกประสงค์ไฟฟ้าที่ทางค่ายทำขายอยู่ในตอนนี้ และไม่ใช่เพียงแค่ชื่อรุ่น แต่หน้าตาของมัน ยังเปรียบเสมือนกับการเอาดีไซน์ของ KIA EV5 มาย่อส่วนให้เล็กและสั้นลง ชนิดที่ว่าถ้าไม่เพ่งรายละเอียดให้ดี คุณก็อาจจะไม่พบความต่างกันระหว่างพี่น้องคู่นี้

แต่เมื่อเราลองสังเกตกันดีๆ เราก็จะพบว่ามันมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดในหลายๆจุด เพื่อให้ตัวรถดูลงตัว และมีความเป็นมินิมอลมากขึ้น ทั้งกันชนหน้าที่แม้จะยังคงใช้เส้นสายหลักแบบเดียวกับรุ่นพี่ แต่การเล่นโทนสีชิ้นส่วนตกแต่งต่าๆงจะดูมีความซับซ้อนน้อยกว่า, ไฟหน้า ที่แม้จะยังคงให้แถบไฟ DRL รูปร่างเดียวกัน แต่ตัวโคมไฟ LED คู่หน้าก็เป็นแบบแถบตั้ง ไม่ใช่แบบสามเหลี่ยม, ชายล่างตัวรถรอบคันทีสีดำเงา ไม่ใช่สีดำด้าน เพื่อเสริมภาพลักษณ์การใช้งานในเมือง ไม่ใช่การเผื่อลุย

ชายล่างบานประตูทั้ง 4 แม้จะมีกรอบขยักเหมือนรุ่นพี่ แต่ก็ไม่ได้ใช้วัสดุพลาสติกดำด้านเพื่อกันกระแทกแต่อย่างใด ขณะที่ด้านท้าย แม้จะไม่ได้ใช้แถบไฟท้ายแบบ Cross Tailight แต่ก็ยังมีการลากเส้นทึบตัดเป็นกรอบคั่นฝาท้ายกับแนวกระจกท้าย ส่วนตัวไฟท้ายเอง ก็มีการลากยาวขึ้นไปตามแนวเสากรอบกระจกตัดจบตรงชายล่างของสปอยเลอร์หลังพอดี และที่สำคัญคือตัวฝาท้าย ยังคงเป็นแบบตีโป่งออกมาอยู่ในระนาบเดียวกับกันชนท้าย เหมือนกับพี่ๆ EV5 / EV9

และแม้ตัวรถจะดูเหลี่ยมตัน แต่มันกลับมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่ต่ำเพียง 0.267 Cd และมาพร้อมกับขนาดตัวถัง ยาว 4,300 มิลลิเมตร, กว้าง 1,850 มิลลิเมตร, สูง 1,560 มิลลิเมตร, กับระยะฐานล้ออีก 2,680 มิลลิเมตร

แม้งานออกแบบภายนอก จะดูใกล้เคียงกับ KIA EV5 แต่เมื่อเข้ามาภายในห้องโดยสาร ชุดคอนโซลหน้าของมันกลับดูเหมือนได้แรงบันดาลใจมาจากพี่ใหญ่ EV9 มากกกว่า ต่างกันแค่เพียงมันได้ถูกปรับให้ดูมินิมอลกว่า ซับซ้อนน้อยกว่าก็เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการเล่นชั้นของตัวคอนโซล การใช้ช่องแอร์วางไว้ในกรอบเดียวกันตั้งแต่ซ้ายจรดขวา และมีการลดปุ่มควบคุมระบบลูกเล่นต่างๆภายในรถให้น้อยลง เหลือเพียงเท่าที่จำเป็น ขณะที่พวงมาลัยเปลี่ยนไปใช้แบบเดียวกับของ KIA EV6 ตัวใหม่ล่าสุดรุ่นปี 2024

นอกนั้นในส่วนของหน้าจอแสดงผล ยังคงเป็นแบบ Semi-Floating Screen ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อกันระหว่างจอแสดงผลข้อมูลตัวรถขนาด 12.3 นิ้ว กับจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์พร้อมระบบทัชสกรีนขนาด 12.3 นิ้ว พ่วงด้วยแป้นสัมผัสสำหรับควบคุมระบบปรับอากาศทางด้านล่างอีก 5 นิ้ว

ขณะที่ในฝั่งคอนโซลกลาง จะมีการออกแบบให้เปิดโล่งเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความโปร่งสบายของช่วงต้นขาผู้โดยสารคู่หน้า แต่ยังคงอเนกประสงค์ด้วยพื้นที่วางสัมภาระขนาดใหญ่ตรงกลาง พร้อมช่องวางแก้วน้ำอีก 2 จุด และทางด้านบนของคอนโซลกลาง นอกจากจะมีปุ่มกดเปิดใช้งานลูกเล่นระบบความปลอดภัย ยังมีการทำแท่นวางของแบบราบเผื่อวางโน๊ตบุ้ค หรือแท็บเล็ต สำหรับใช้งานตอนจอดรอรับใครสักคนให้ด้วย

ท้ายสุดคือตัวเบาะนั่งเกือบทั้งหมด จะถูกทำขึ้นโดยใช้วัสดุหุ้มจากพลาสติกรีไซเคิล และมันยังสามารถเก็บของสัมภาระได้สูงสุด 460 ลิตร ไม่ช่องเก็บสัมภาระด้านหน้าใต้ฝากระโปรงอีก 25 ลิตร

ด้านรายละเอียดโครงสร้าง และระบบขับเคลื่อน ตัวรถ EV3 รุ่นนี้ ก็แน่นอนว่าจะยังคงถูกสร้างบนพื้นฐานแพลตฟอร์ม E-GMP แบบเดียวกับรุ่นพี่ และใช้สถาปัตยกรรมระบบจ่ายไฟแบบ 400-Volt โดยมันจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวที่ชุดล้อคู่หลัง ซึ่งให้กำลังสูงสุด 204 PS และแรงบิดสูงสุดอีก 283 นิวตันเมตร ซึ่งทาง KIA ระบุว่ามันจะสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ดีสุดคือภายในเวลา 7.5 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งหากยังไม่พอ ทาง KIA ก็ระบุว่าเดี๋ยวพวกเขาจะทำตัวแรง รหัส GT ออกตามมาอีก

ขณะที่ตัวแบตเตอรี่ จะมีการทำออกมา 2 ขนาดให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ นั่นคือ ขนาด 58.3 kWh ซึ่งยังไม่มีการระบุระยะทางในการใช้งานสูงสุด และรุ่นขนาด 81.4 kWh ซึ่งจะสามารถรองรับระยะทางในการใช้งานได้ไกลสุด 600 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน WLTP พร้อมรองรับกำลังไฟในการชาร์จสูงสุด 128 kW ช่วยให้มันสามารถชาร์จไฟจาก 10-80% ได้ภายในเวลา 31 นาที

ฝั่งราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ยังไม่มีการเปิดเผยออกมา ซึ่งเราต้องรออัพเดทกันต่อไป จนกว่าจะถึงกำหนดวางขายจริงในประเทศเกาหลี ซึ่งถูกระบุว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม ขณะที่ในประเทศไทยยังไม่มีข้อมูลอัพเดทใดๆทั้งสิ้นในตอนนี้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่
Tags: