ประเดิมตลาดที่เมืองไทยกับรุ่น MY2024 สำหรับ BYD ATTO3 เปิดจำหน่ายในรุ่น Standard Range กับราคาเริ่มที่ 8 แสนปลายๆจนแฟนๆอยากเป็นเจ้าของ

แต่ที่ญี่ปุ่นและฮ่องกง เปิดตัวรุ่น MY2024 เช่นกันแต่ทั้งสองประเทศเลือกที่จะเปิดรุ่นท็อป Extended Range หน้าตาแบบเดียวกับไทยเริ่มที่ด้านท้ายเปลี่ยนมาใช้โลโก้ BYD แทนโลโก้เดิม Build Your Dream เสา D ตกแต่งใหม่ด้วยสีดำแทนสีเทา และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วพร้อมยางขนาดใหม่ 235/50R18 จากค่าย  Continental’s EcoContact 6Q (เดิม 215/55R18)

กระจังหน้าแบบปิดทึบขอบกระจังหน้าห่อหุ้มด้วยเส้นโครเมียม คาดไฟหน้าแบบ LED  มีไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Daytime Running Light (DRL) ในโคมเดียวกันในชุดกันชนหน้าทูโทนสีพร้อมสีดำในรูปแบบช่องระบายอากาศ ด้านข้างตกแต่งด้วยกรอบกระจกโครเมียม หลังคา Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบป้องกันการหนีบ ไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ปีกนก ดีไซน์ด้านหลังสโลปลงพร้อมสปอยเลอร์ สะดวกสบายด้วยระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายไฟฟ้าแบบ One-Touch

ภายในปรับในส่วนโทนสีตกแต่งสีใหม่สองสีทั้งสีน้ำเงิน-เทาและน้ำเงิน-ดำ หน้าจอสัมผัส Infotainment เพิ่มขนาดเป็น 15.6 นิ้ว ปรับหมุนจอได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน เชื่อมต่อไร้สายทั้ง Apple Car Play กับ Android Auto ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light บริเวณมือจับประตู ปรับสีได้ 31 สี ได้ไฟกะพริบตามจังหวะเพลง ได้ลำโพง Dirac HD Sound 8 จุด และ ระบบกรองอากาศ PM 2.5 และแอปพลิเคชัน Karaoke  ร้องคาราโอเกะ บนรถได้

มีที่ชาร์จมือถือไร้สาย เชื่อมต่ออัจฉริยะ BYD DiLink มาตรวัดดิจิทัล 5 นิ้ว แสดงผลการขับขี่ เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 พร้อมพื้นที่สัมภาระมากถึง 1,340 ลิตรเมื่อพับเบาะลงและ 440 ลิตร กรณีไม่พับเบาะ เบาะไฟฟ้าคู่หน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางสำหรับคนขับและ 4 ทิศทางสำหรับคนนั่ง กุญแจแบบคีย์การ์ด พร้อมระบบ Keyless Start ช่องเสียบ USB ทั้ง ช่อง USB-A และ USB-C อย่างละ 1 พอร์ต ที่คอนโซลกลาง และช่อง USB-A และ USB-C อย่างละ 1 พอร์ต สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

ขุมพลังไฟฟ้าให้กำลังมากถึง 201 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าแบบ Permanent magnet synchronous motor ด้วยความจุแบตเตอรี่ BYD Blade Battery 60.48 kWh วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 480 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC สำหรับฮ่องกง แต่ญี่ปุ่นได้ความจุ 58.56 kWh วิ่งไกล 470 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.3 วินาที

พร้อมระบบชาร์จเร็ว DC – CCS 2 (80kW) สามารถชาร์จได้เร็วสุด 45 นาที 30-80% และชาร์จแบบ AC Type 2 (7kW) เร็วสุด 9 ชั่วโมง รองรับหัวชาร์จ แบบ AC 3 ขา สำหรับฮ่องกง ส่วนญี่ปุ่น ชาร์จ DC CHAdeMO กำลังชาร์จสูงสุด 90 kW ภายใน 30 นาที และ AC รองรับกำลัง 6 kW  พร้อมระบบ V2L (Vehicle To Load) จ่ายไฟฟ้าได้ 2.2 kW และดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative braking) มั่นใจด้วยช่วงล่างอิสระสี่ล้อ และความปลอดภัยรอบคัน

มาพร้อมสีใหม่ Cosmos Black ขายฮ่องกงในราคา $269,000 หรือราว 1,239,000 บาท ส่วนญีุ่่น 4,500,000 Yen หรือราว 1,077,000 บาท

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่