ต้อนรับปีมังกรเมื่อ BYD ค่ายรถอีวียอดนิยมภายใต้ เรเว่ ออโตโมทีฟ ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการแนะนำ BYD ATTO 3 รุ่นปี 2024

งานนี้จำหน่ายเพียงรุ่นเดียวคือรุ่นระยะทาง 410 กิโลเมตร โดยรวมยังคงเดิมแต่ปรับสีสันใหม่ด้วย ด้านท้ายเปลี่ยนมาใช้โลโก้ BYD แทนโลโก้เดิม Build Your Dream เสา D ตกแต่งใหม่ด้วยสีดำแทนสีเทา พร้อมล้ออัลลอยลายใหม่ห้าก้านคู่ทูโทนขนาด 17 นิ้ว ในรุ่น Dynamic

กระจังหน้าแบบปิดทึบขอบกระจังหน้าห่อหุ้มด้วยเส้นโครเมียมคาดไฟหน้าแบบ LED มีไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Daytime Running Light (DRL) ในโคมเดียวกันในชุดกันชนหน้าทูโทนสีพร้อมสีดำในรูปแบบช่องระบายอากาศ ด้านข้างตกแต่งด้วยกรอบกระจกโครเมียม หลังคา Panoramic Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบป้องกันการหนีบ ไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ปีกนก ดีไซน์ด้านหลังสโลปลงพร้อมสปอยเลอร์ สะดวกสบายด้วยระบบเปิด-ปิดบานประตูท้ายไฟฟ้าแบบ One-Touch และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วในรุ่น Premium

BYD

ภายในมีการปรับในส่วนโทนสีตกแต่งสีใหม่สองสีทั้งสีน้ำเงิน-เทาและน้ำเงิน-ดำ ออปชันใหม่มีเฉพาะรุ่น Premium ตั้งแต่ หน้าจอสัมผัส Infotainment ขนาดใหญ่ 15.6 นิ้ว ปรับหมุนจอได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน เชื่อมต่อไร้สายทั้ง Apple Car Play กับ Android Auto ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light บริเวณมือจับประตู ปรับสีได้ 31 สี ได้ไฟกะพริบตามจังหวะเพลง ได้ลำโพง Dirac HD Sound 8 จุด และ ระบบกรองอากาศ PM 2.5

ส่วนรุ่น Dynamic ออปชันเดิมทั้งหน้าจอสัมผัส Infotainment ขนาด 12.8 นิ้ว ปรับหมุนจอได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน เชื่อมต่อไร้สายทั้ง Apple Car Play กับ Android Auto ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light บริเวณมือจับประตู ได้สีเดียวได้ลำโพง 6 จุด และไม่มีระบบกรองอากาศ PM 2.5

พร้อมที่ชาร์จมือถือไร้สาย มาตรวัดดิจิทัล 5 นิ้ว แสดงผลการขับขี่ เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 พร้อมพื้นที่สัมภาระมากถึง 1,340 ลิตรเมื่อพับเบาะลงและ 440 ลิตร กรณีไม่พับเบาะ เบาะไฟฟ้าคู่หน้าปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางสำหรับคนขับและ 4 ทิศทางสำหรับคนนั่ง พร้อมความสะดวกสบายทั้งช่องจ่ายไฟ 12V 120w 1 จุด ที่คอนโซลกลาง กุญแจแบบคีย์การ์ด พร้อมระบบ Keyless Start Anti-Pinch ระบบเครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อม CN95 Filter มีช่องเสียบ USB ทั้ง ช่อง USB-A และ USB-C อย่างละ 1 พอร์ต ที่คอนโซลกลาง และช่อง USB-A และ USB-C อย่างละ 1 พอร์ต สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

ขุมพลังไฟฟ้าให้กำลังเท่าเดิม 201 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยความจุแบตเตอรี่ BYD Blade Battery พัฒนาใหม่ 50.25 kWh (เดิม 49.92 kWh) วิ่งไกลสุดต่อการชาร์จ 410 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 7.9 วินาที มาพร้อมระบบชาร์จเร็ว DC – CCS 2 (70 kW) สามารถชาร์จได้เร็วสุด 30 นาที 30-80% และชาร์จแบบ AC Type 2 (7kW) เร็วสุด 8.5 ชั่วโมง

พร้อมระบบ V2L (Vehicle To Load) จ่ายพลังงานให้กับอุปกรณ์อื่นๆ เสมือนเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเคลื่อนที่ และดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative braking) มั่นใจด้วยช่วงล่างอิสระสี่ล้อ อัปเกรดซอฟต์แวร์ความปลอดภัยเพื่อมอบความอุ่นใจขณะเดินทางให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารเช่น ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ สามารถปิดระบบแจ้งเตือนคนข้ามถนนได้ เมื่อใส่เกียร์ P สามารถปิดไฟ Daytime Running Light เป็นต้น มาพร้อม 2 สีไม่ว่าจะเป็น สีเทา Graphite Grey และ สีขาว Frost White พร้อมส่งมอบรถให้ลูกค้าได้หลังเดือนพฤษภาคม เป็นต้นไป ในราคาดังนี้

• รุ่น Dynamic 899,900 บาท

• รุ่น Premium 949,900 บาท

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่